เปิดเบื้องหลัง ดีล 180 ล้าน มงลง MGI เปลี่ยนโฉมวงการนางงาม
บอสณวัฒน์ เปิดใจ หลังทุ่ม 180 ล้าน คว้าสิทธิ์ Miss Universe Thailand เผยเบื้องหลังดีลลับ พลิกโฉมเวทีนางงาม กลยุทธ์สร้างรายได้มหาศาล ย้ำเป้าหมายหลักไม่ใช่มงกุฎ แต่ คือ ความสำเร็จและความมั่งคั่งขององค์กร!
ดีลที่กระหึ่มที่สุดของปี 2568 หนึ่งในนั้นคือ ดีลวงการนางงามและธุรกิจบันเทิง เมื่อ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์กับ Business Canvas โดย PPTV Wealth ถึงความรู้สึกและเบื้องลึกเบื้องหลังการปิดดีลมูลค่า 180 ล้านบาท เพื่อคว้าสิทธิ์การจัดประกวด Miss Universe Thailand (MUT) มาอยู่ภายใต้การบริหารของตนเอง เมื่อถามถึงความรู้สึกในวันที่ปิดดีลได้ เป็นอย่างไร ณวัฒน์ กล่าวว่า โดยหลักการของการทำการตลาดแบบที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ค่อนข้างลำบาก
เนื่องจากไม่สามารถทำดีลส่วนตัวได้ ฉะนั้น การกระทำใดๆ ต้องเซ็นสัญญาความลับซึ่งกันและกัน และการเก็บความลับนั้นบางครั้งก็ยาก เนื่องจากมีปัจจัยของผู้ลงทุน คณะกรรมการบอร์ดความเสี่ยง หรือการที่คนต้องจัดเตรียมเอกสารให้เรา ก็ต้องจับคนเหล่านี้ให้เซ็นสัญญาความลับก่อน เป็นหลักของบริษัทสากลทั่วไป
เพราะฉะนั้น การประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 เป็นวันที่ดีลแล้วประสบความสำเร็จ คือ ไม่ใช่ มันมี Beyond the scene ไปไกลมาก และมีขั้นตอนยิบย่อยตลอดเส้นทางกว่าจะถึงวันนั้น ความรู้สึกจึงเหมือนปลดปล่อย เพราะกุมความลับมานาน
MUT ในมือบอสณวัฒน์ จะเปลี่ยนไปอย่างไร?
เรามีแบรนด์ของเราเอง คือ Miss Grand Thailand พอเราได้ MUT มา สิ่งที่เราวางไทม์ไลน์ของ Production ไว้แตกต่างกัน คือ Miss Grand Thailand และ Miss Grand ทั่วโลกจะเป็นในลักษณะ Fun Entertainment นางงามจะมีความจัดจ้าน เต้นเอาจริง มีเสียงดัง Call out สังคมชัดเจน และต้องเป็น Entertainer ร้องเพลงได้ แสดงเก่ง โดยที่ต่อให้คุณจะได้มงกุฎที่ 1 หรือไม่ได้ แต่หากมีสัญญาณว่าคุณมีสิทธิดัง เราก็จะปั้น
เพราะฉะนั้น จะเป็นการประกวดที่เน้นความบันเทิงทุกรูปแบบ ส่วน Miss Universe Thailand เราลากเส้นเรื่องให้เป็น Elegance คือ จะต้องอ่อนน้อมถ่อนตม สุขุม เยือกเย็น สง่างาม พูดเป็นแรงบันดาลใจ ไม่จำเป็นต้องเต้น ร้องเพลงได้ คาแรกเตอร์จะต่างกันชัดเจน
เปิดรายได้หลักธุรกิจนางงาม
ธุรกิจนางงามมีรายได้ทั้งหมด ทั้งทุกอีเวนต์ ค่าแฟรนไชส์ที่ตนขาย Miss Grand International ทั่วโลก 99 ประเทศ ในประเทศไทยขายลิขสิทธิ์ 77 จังหวัด ซึ่งแต่ละจังหวัดขายราคาไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับ GDP ของจังหวัดนั้นๆ สิ่งต่างๆเหล่านี้ก็เป็นรายรับที่เข้ามาทุกๆวัน แต่ทั้งหมดรวมการจัดการประกวด ค่าสปอนเซอร์ต่างๆ ไม่เกิน 20% ของรายรับของบริษัท การประกวดมีแค่นี้ ตนถึงบอกว่า การได้ Miss Universe Thailand อาจทำให้ % ขยับขึ้นอีก ฉะนั้น แค่ประมาณ 20% ยังไม่ถึงด้วยซ้ำ ที่เหลือเป็นค่าศิลปินประมาณ 20% อย่างอิงฟ้าปีที่แล้วขายงานได้ประมาณร้อยกว่าล้าน และเรามีในสังกัดอีก 20 คน ก็ลดหลั่นกันไป บางคน 12 ล้าน บางคน 20 ล้าน
อย่างชาล็อตก็ประมาณ 40 – 50 ล้าน ต่อปี ส่วนที่เหลือก็เป็นงานอีเวนต์ เรามีคอนเสิร์ต มีซีรีส์ มีทุกอย่าง แต่สิ่งที่มากที่สุดประมาณ 51 % คือ Commerce ได้แก่สินค้าทั้งหมดที่อยู่ภายใต้เครือ Miss Grand ซึ่ง 180 ล้าน นี้ ก็มาจากที่ Miss Grand หาให้ เพื่อเอาไปซื้อ Miss Universe ตอนนี้ Miss Grand เปรียบเสมือนเครื่องยนต์เดี่ยว แต่พอเรามีทั้งสองตัว เราจะมีรายได้มากขึ้นมหาศาล เป็นการขยายความมั่งคั่งของ MGI
หลังปิดดีล ได้คืนมาเท่าไหร่แล้ว ?
ณวัฒน์กล่าวว่า ตัวเงินจริงๆที่ยังไม่หักค่าใช้จ่ายประมาณ 120 ล้าน เป็นโปรเจกต์ที่เราตั้งความหวังไว้สูง ตนไม่กลัวการหาเงินเพราะเป็นคนชอบโอกาส หลายคนบอกจ่ายไปตั้ง 180ล้าน แต่คิดดู ตอนนี้ 180 ล้าน แล้ว 5 ปีมันจะเท่าไหร่ เรามีสิทธิใช้โอกาสมาหาเงิน เราไม่กลัว เพราะเป็นเรื่องกดดันนิดๆ ซึ่งตนมีความสุขมากๆ 180 ล้านนี้ ตนขอหาไม่เกิน 1 เดือน จะทำให้ดู
บริษัทเราเป็นตลาดหลักทรัพย์ ไม่มีการพูดเรื่อยเปื่อย สิ่งที่ออกจากปากตน ไม่ว่าจะ Miss Universe หรือ Miss Grand เป๊ะทุกคำที่ทำแน่นอน และเมื่อประกวด Miss Universe Thailand เสร็จจะต้อง Cover ทุกอย่าง หมายความว่า หักค่าใช้จ่าย สมมติปีนี้ได้ 250 ล้าน ตีค่าใช้จ่ายเบ็ดเสร็จ 50 ล้าน ก็เหลือ 200 ล้าน ต่อให้ใช้จ่ายเกินไปเป็น 60 ก็ยังเหลือ 190 ฉะนั้น 180 ล้าน คือ จบแล้ว
ช่างภาพพีพีทีวี
ณวัฒน์ อิสรไกรศีล เจ้าของลิขสิทธิ์คนใหม่ Miss Universe Thailand
เป้าหมายเวที MUT
ณวัฒน์ บอกว่า ต้องการให้เป็น Star อีกบริบทหนึ่งคือ การจะเป็นแค่นางงามแล้วมาเดินสวยๆ พูดดี แล้วไปแข่งขันกันอย่างเดียวอาจจะหมดยุค วงจรชีวิตของเขาจะสั้น คือ ปีหน้าก็จะมีคนใหม่ ลองสังเกตผู้เข้าประกวดทุกคนที่มีชื่อเสียงขณะประกวด เวลาเสร็จสิ้นเขาก็จะหายไป เพราะคนจะพูดถึงคนใหม่ที่ลงประกวด สิ่งที่เราอยากพัฒนาในช่วงปีทองของเขา ทำอย่างไรให้เขากลายเป็นศิลปิน เป็นคนที่มีแสงเจิดจ้า แม้ปีต่อไปจะมา เขาก็ยังคงมีแฟนคลับ ซึ่งความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่การันตีว่าจะเห็นมากแค่ไหน แต่ได้เห็นแน่นอน
มงสามต้องมาไหม ?
ณวัฒน์ทิ้งท้ายว่า ไม่สำคัญ จะไม่มีแฮชแท็กมงสามแน่นอน ตนไม่เคยกดดันใคร รวมถึงไม่กดดันตัวเอง สิ่งที่สำคัญคือ ความมั่งคั่งของคุณและของบริษัท ไม่ได้อยู่ที่มงกุฎ ได้เมื่อไหร่เมื่อนั้น ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ไม่ได้โหยหา สิ่งที่สูงส่งที่สุด คือ ความสำเร็จ หลายคนได้มงกุฎมาก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จ ฉะนั้น มงกุฎแค่การรันตีในวันนั้นว่าคุณดีที่สุดบนเวที แต่ชีวิตคุณล่ะ ดีที่สุดแล้วหรือยัง ?
BTC
ETH
DOGE
ADA
BNB
KUB