ราคาทองวันนี้ (8 มี.ค. 2568) ประกาศวันเสาร์รอบเดียวขึ้น 50 บาท
ราคาทองวันนี้ (8 มี.ค. 2568) ประกาศวันเสาร์รอบเดียวขึ้น 50 บาท ตลอดสัปดาห์ รวมราคาปรับเพิ่มขึ้น 150 บาท
สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทอง วันเสาร์ที่ 8 มี.ค. 2568 เปิดตลาด ปรับ “ขึ้น 50 บาท” เมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวาน
- ทองคำแท่ง รับซื้อคืน 46,450.00 บาท/บาททองคำ และขายออก 46,550.00 บาท/บาททองคำ
- ทองรูปพรรณ รับซื้อคืน 45,616.44 บาท/บาททองคำ และขายออก 47,350.00 บาท/บาททองคำ
- ทอง 1 สลึง ราคารวมค่ากำเหน็จ อยู่ที่ 12,438 บาท
- ทอง 2 สลึง ราคารวมค่ากำเหน็จ อยู่ที่ 24,075 บาท
- ทองครึ่งสลึง ราคารวมค่ากำเหน็จ อยู่ที่ 6,619 บาท

ทองคำในประเทศ อ้างอิงตลาดสปอตที่ 2,912.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และอิงค่าเงินบาท 33.78 บาท/ดอลลาร์
ราคาทองคํา Spot ปรับตัวลดลงอย่างไรก็ดีสัปดาห์นี้ทองคำยังคงได้รับปัจจัยบวกจากการเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอนต่อนโยบายภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ด้านราคาทองในประเทศประกาศครั้งเดียววันเสาร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากวันศุกร์อีก 50 บาท
ภาพรวมทองคำตลาดโลกในสัปดาห์นี้พบว่าปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.7% โดยยังคงได้รับแรงหนุนจากการเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอนต่อนโยบายภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และนอกจากนี้ตลาดทองคำยังได้รับปัจจัยหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าในรอบกว่า 4 เดือน ขณะที่ข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ในเดือนก.พ. บ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในปีนี้
ประกาศราคาทองในประเทศครั้งเดียวประจำวันเสาร์ที่ 8 มี.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท หลังจากวันศุกร์เพิ่มขึ้น 150 บาท ส่วนสัปดาห์นี้ (3-8 มี.ค.) มีการประกาศราคาทองทั้งหมด 33 ครั้ง เป็นการปรับขึ้น 17 ครั้ง ลดลง 14 ครั้ง และคงที่อีก 2 ครั้ง รวมราคาปรับเพิ่มขึ้น 150 บาท เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนค่าเงินบาทสัปดาห์นี้พบการเคลื่อนไหวในช่วงระหว่าง 34.30-33.58 บาท โดยวันจันทร์อ่อนค่าบริเวณ 34 บาท หลังจากนั้นก็แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 33 บาทจนถึงวันศุกร์
ฮั่วเซ่งเฮง วิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ Spot จะเคลื่อนไหวในกรอบทางเทคนิคซึ่งคาดว่าจะยังไม่สามารถฝ่าแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 2,920 ดอลลาร์ ขึ้นไปได้ โดยในระยะสั้นยังคงประเมินว่ามีโอกาสสูงที่ราคาอาจลงทดสอบแนวรับที่บริเวณ 2,880 ดอลลาร์ ทั้งนี้ได้ประเมินแนวรับไว้ที่บริเวณ 2,875 และ 2,855 ดอลลาร์ ตามลำดับ ส่วนแนวต้านประเมินไว้ที่บริเวณ 2,920 และ 2,940 ดอลลาร์