หุ้นสหรัฐฯร่วงหนัก กังวลเศรษฐกิจถดถอย
ตลาดหุ้นหลักของสหรัฐฯ ปิดตัวลดลงอย่างหนักเมื่อวานนี้ 10 มี.ค. หลังเกิดความวิตกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มเผชิญกับสภาวะถดถอย อันเป็นผลจากมาตรการกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากหลายประเทศคู่ค้าสำคัญ ซึ่งจะนำไปสู่สงครามการค้า
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ลดลง 890.01 จุด หรือ 2.08% ปิดที่ 41,911.71 จุด ดัชนี แนสแด็ก คอมโพสิต (Nasdaq Composite) ลดลง 727.90 จุด หรือ 4.00% เป็น 17,468.32 จุด ส่วนดัชนี S&P 500 (.SPX) ลดลง 155.64 จุด หรือ 2.70% ปิดที่ 5,614.56 จุด นับเป็นการปรับตัวลดลงในหนึ่งวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม
โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เผชิญกับช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่าน
ซึ่งการแสดงความเห็นดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ผู้นำสหรัฐฯพยายามเบี่ยงเบนความสนใจต่อประเด็นที่ว่าเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในความเสี่ยงที่จะเข้าสู่สภาวะถดถอย
ขณะที่นักวิเคราะห์จากหลายสำนักพากันปรับลดประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเตือนว่าการทำสงครามการค้าของประธานาธิบดี ทรัมป์กำลังสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐมากกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้
โดย โกลด์แมน แซคส์ประกาศปรับเพิ่มโอกาสที่สหรัฐจะเผชิญภาวะถดถอยเป็น 20% จากเดิมที่ระดับ 15% โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการกำแพงภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์และเงินเฟ้อที่ถีบตัวสูงขึ้น ซึ่งกระทบต่อการจ้างงานและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ด้าน มอร์แกน สแตนลีย์ปรับลดคาดการณ์การการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ของสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 1.5% จากเดิมที่ระดับ 1.9% เนื่องจากผลกระทบของนโยบายการค้าและการควบคุมผู้อพยพเข้าประเทศมีความรุนแรงมากกว่าที่ประเมินไว้
ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด สาขาแอตแลนตา เปิดเผยแบบจำลองคาดการณ์ GDP ล่าสุดบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะติดลบ 2.4% ในไตรมาสแรกของปีนี้ หลังจากก่อนหน้านี้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวในแดนบวกที่ระดับ 2.3% ในไตรมาสดังกล่าว
BTC
ETH
DOGE
ADA
BNB
KUB