ภาคตลาดทุนเตรียม Kick off รองรับ Thai ESGX เริ่ม IPO 2 พ.ค. 68
ภาคตลาดทุนเตรียม Kick off รองรับการลงทุน "Thai ESGX" เริ่ม IPO 2 พ.ค.ที่จะถึงนี้
หลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืน (ESG) และเพิ่มเสถียรภาพตลาดทุนไทย โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับเงินลงทุนใหม่ในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX) และให้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ไป Thai ESGX ในช่วงเวลา 2 เดือน คือ พฤษภาคม - มิถุนายน 2568 ตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด นั้น

ล่าสุดวันนี้ (28 เม.ย. 68) กระทรวงการคลัง ก.ล.ต. สมาคมบริษัทจัดการลงทุน และตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงได้ร่วมกันแถลงข่าว ความคืบหน้าของความร่วมมือ ในการเตรียมความพร้อม เพื่อสนับสนุนการลงทุนในกองทุน Thai ESGX และรองรับการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจาก LTF
โดย นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เปิดเผยความคืบหน้าล่าสุดขณะนี้ ว่า ก.ล.ต. ได้ออกหลักเกณฑ์รองรับจัดตั้งและจัดการ Thai ESGX ในขณะนี้มี Thai ESGX รวม 37 กองทุน จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน หรือ บลจ. 19 แห่ง ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาคำขออนุมัติจัดตั้ง และตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป จะเริ่มIPO หรือเปิดให้นักลงทุน สามารถเริ่มลงทุนได้ ซื้อหน่วย Thai ESGX ได้
ส่วนผู้ที่ต้องการแจ้งความประสงค์สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน จากหน่วย LTF ที่มีอยู่ทั้งหมด ทุกกองทุน มาเป็น หน่วย Thai ESGX สามารถเริ่มสับเปลี่ยนได้ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 และสามารถดูข้อมูลการถือครองกองทุน LTF ทั้งหมดของตนเองได้ที่ เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ www.set.or.th/ltf เพื่อตรวจสอบและพิจารณาตัดสินใจสับเปลี่ยนจากกองทุน LTF เป็น Thai ESGX เพื่อสิทธิลดหย่อนทางภาษี ได้ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป
โดยมีเงื่อนไข คือ ทั้งการลงทุนใหม่ และการสับเปลี่ยน จะสามารถทำได้ภายใน วันที่ 30 มิถุนายน 2568 เท่านั้น

ด้าน นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า อุตสาหกรรมจัดการลงทุน ได้ประเมินว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนใหม่เข้าสู่กองทุน Thai ESGX ไม่ต่ำกว่า 1.5 - 2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ เม็ดเงินในส่วน LTF ที่คงค้างมีอยู่ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งหากนับตั้งแต่ที่ ครม. มีมติเห็นชอบ Thai ESGX ตั้งแต่เดือน มี.ค. 68 ที่ผ่านมา พบว่า แรงเทขาย LTF ค่อนข้างชะลอซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี แต่ในภาคระยะยาวมองว่ามาตรการดังกล่าวสนับสนุนการลงทุนในระยะยาวอยู่แล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะมีการสับเปลี่ยนกองทุน จาก LTF มา Thai EXGS มากน้อยเท่าไหร่ เพราะ ยังเป็นช่วงเริ่มต้น ซึ่งก็ต้องติดตามความคืบหน้า ภายหลัง การเปิด IPO และ การสับเปลี่ยนต่อไป
นายอัสสเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมีแผนต่อยอดความร่วมมือกับสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ขยายบริการเรียกดูข้อมูลให้ครอบคลุมกองทุนลดหย่อนภาษีประเภทอื่น ๆ อาทิ RMF, SSF และ Thai ESG เพื่อความสะดวกแก่ผู้ลงทุนในการตรวจสอบและบริหารจัดการลงทุนมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ Thai ESGX เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในทรัพย์สินที่มีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม หรือความยั่งยืน ที่ผู้ออกเป็นภาครัฐไทยหรือกิจการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยที่ Thai ESGX จะต้องลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืน โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิด้วย
สำหรับวงเงินสิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้มาตรการ Thai ESGX แบ่งออกเป็น 2 วงเงิน ประกอบด้วย
วงเงินที่ 1 สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจลงทุนใน Thai ESGX สามารถเริ่มซื้อได้ ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568 วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุดไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินได้พึงประเมิน เฉพาะในส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท โดยต้องถือครองหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี (วันชนวัน นับแต่วันที่ลงทุน)
วงเงินที่ 2 สำหรับผู้ที่ถือหน่วยลงทุน LTF ณ วันที่ 11 มีนาคม 2568 ที่แจ้งความประสงค์สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF เดิม ทั้งหมดใน LTF ทุกกองทุนในทุก บลจ. (ไม่รวม class หน่วยภาษีอื่นภายใต้กองทุนเดียวกัน เช่น class SSF) มาเป็นหน่วยลงทุนของ Thai ESGX ในช่วงเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน 2568 วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 500,000 บาท ตั้งแต่ปีภาษี 2568 - 2572 โดยในปี 2568 วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 300,000 บาท และปี 2569 - 2572 ให้ได้รับลดหย่อนเป็นจำนวนเท่า ๆ กันในแต่ละปีภาษี