หุ้นไทยขึ้นตามเพื่อน ความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐฯ - จีน ผ่อนคลายลง
หุ้นไทยขึ้นตามเพื่อน ความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐฯ - จีน ผ่อนคลายลง บล.เอเชีย พลัส แนะ TOP PICK PTTEP, SCC และ GPSC
บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นราว 2.8% - 4.3% ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นราว 0.5% - 1.6% ส่วนเอเชียปรับตัวขึ้น 0.3% - 3% จำกความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐฯ - จีน ผ่อนคลายลง โดยจีน ลดภาษีสหรัฐฯ เหลือ 10% (เดิม 125%) และสหรัฐฯ ลดภาษีจีน เหลือ 30% (เดิม 145%) หนุนเม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัย และหนุน BOND YIELD 10Y สหรัฐฯ พุ่ง ขึ้นใกล้แตะ POLICY RATE ที่ 4.5%

ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดว่า FED เลื่อนการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกไปอยู่ที่เดือน 9 จากก่อนหน้านี้คาดจะลดดอกเบี้ยช่วงเดือน 6 - 7 ซึ่ง น่าจะทำให้ SET INDEX จะเปิดเขียวได้ราว 10 - 15 จุด (PRE-OPEN) เช้านี้ สหรัฐฯ ลดภาษีจีน เหลือ 30% (เดิม 145%) ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่า ธปท. ประเมินไว้ใน ฉากทัศน์ LOWER TARIFFS ที่ 54% มองเป็นมุมบวกที่อาจเพิ่ม UPSIDE ให้กับ GDP GRWOTH ของไทย เติบโต้ได้ไม่ต่ำกว่า 2% ในปี 2568
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่า ธปท.ฉายภาพ "เศรษฐกิจไทย" ชะลอลงก่อนซึมลากยาว รับพิษ "ภาษีทรัมป์" โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นผลกระทบตั้งแต่ 3Q68 และชัดเจนใน 4Q68 ฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน ดอกเบี้ย 1.75% จะหนุนกรอบแนวรับสำคัญทำงพื้นฐาน SET ขยับ ขึ้นมาอยู่ที่ 1060 จุด ส่วน TARGET ปีนี้ 1424 จุด TOP PICK เลือก PTTEP, SCC และ GPSC
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในต่างประเทศ
ตลาดหุ้นตอบรับเชิงบวก (DJIA +2.81%, S&P500 +3.26% และ Nasdaq +4.35%) หลังสหรัฐฯ และจีนประกาศลดภาษีนำเข้าซึ่งกันและกันภายใน 14 พ.ค. ตามการแถลงร่วมกันในวันจันทร์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ หุ้นในกลุ่ม Magnificent 7 ปรับตัวขึ้นโดดเด่นหนุนตลาด นำโดย Amazon +8.07%, Meta +7.92%, Tesla +6.75%, Apple +6.18%, Nvidia +5.44%, Alphabet +3.37% และ Microsoft +2.4% สหรัฐฯ และจีนประกาศลดภาษีนำเข้าซึ่งกันและกันชั่วคราว 90 วัน โดยภาษีสินค้านำเข้าจากจีนจะลดจากรวม 145% เหลือ 30% ภายใน 14 พ.ค. ขณะที่จีนลดภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ จาก 125% เหลือ 10% หรือปรับลดอัตราภาษีศุลกากรลงฝ่ายละ 115% ตามแถลงร่วมในกรุงเจนีวา โดยรมว.คลังสหรัฐฯ Scott Bessent ระบุว่า ทั้งสองฝ่าย “ไม่ต้องการ Decouple” และมีความคืบหน้าเรื่องเฟนทานิล โดยอาจนำไปสู่ข้อตกลงจัดซื้อสินค้าจากจีนในระยะต่อไป พร้อมย้ำว่าภาษีที่ลดนี้ไม่รวมภาษีด้านอุตสาหกรรมที่เก็บกับทุกประเทศ และยังคงภาษีจากยุคทรัมป์ชุดแรกไว้ สื่อ Xinhua อ้างเอกสาร “White paper”
ด้านความมั่นคงของจีน ระบุว่า จีนยังยึดหลัก “เคารพซึ่งกันและกัน” และต้องการรักษาเสถียรภาพความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ โดยไม่เห็นว่าการกดดันหรือข่มขู่จะได้ผล โดยตัวแทนเจรจาการค้า Jamieson Greer กล่าวว่า จีน “มีความตั้งใจจริง” ในการแก้ปัญหาการค้า พร้อมตั้งเป้าให้เกิดโครงสร้างการเจรจาถาวรเพื่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจในระยะยาว เมื่อวันที่ 12 พ.ค. ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อดำเนินการลดราคายาครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ โดยใช้นโยบาย Most Favored Nation ซึ่งกำหนดให้ราคายาในสหรัฐฯ สอดคล้องกับราคาต่ำสุดที่มีอยู่ในประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ในโพสต์บน Truth Social ทรัมป์ระบุว่า ราคายาจะถูกปรับลดลง 59% หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม เขาเปิดเผยว่านโยบายดังกล่าวจะช่วยลดราคายาลง 30 - 80% โดยมีผลในทันที เพื่อให้ประชาชนชาวอเมริกันสามารถซื้อยาได้ในราคาที่เทียบเท่ากับประเทศที่มีราคายาต่ำที่สุด ก่อนหน้านี้ เราได้มีการประเมินสถิติย้อนหลังในการฟื้นตัวของตลาดหุ้น (Weekly Strategyฉบับวันที่ 6 พ.ค.)
โดยพบว่าดัชนีหุ้นในกลุ่ม Cyclical จะปรับตัวขึ้นตัวโดดเด่นหลังดัชนี S&P500 ทำจุดต่ำสุด ทั้งนี้ ในปัจจุบันหุ้นกลุ่ม IT ฟื้นตัวขึ้นโดดเด่น หลังดัชนี S&P500 ทำจุดต่ำสุดในวันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา และการฟื้นตัวของดัชนีมีการฟื้นตัวสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของภาวะ Bear Market ในอดีต แม้สถานการณ์สงครามการค้าที่ยังมีความไม่แน่นอน การปรับขึ้นภาษีการค้าที่อาจเปลี่ยนจากเป้าหมายรายประเทศกลายเป็นรายอุตสาหกรรม (ล่าสุดทรัมป์ประกาศจะมีการปรับลดราคายาในประเทศลง) และภาษีตอบโต้ที่ยังคงอยู่ แต่ความขัดแย้งด้านการค้าที่มีพัฒนาการดีขึ้น ความคาดหวังในดีลการเจรจาการค้ากับประเทศอื่นๆ และอัตราภาษีตอบโต้ที่ต่ำลง (ทั้งกับอังกฤษและจีน) ทำให้กลับมาให้น้ำหนักเพื่อเก็งกำไรหุ้นในกลุ่ม Non-Defensive มากขึ้น (อาทิ หุ้นในกลุ่ม IT และ Financial) ซึ่งยังต้องควบคู่ไปกับหุ้นกลุ่ม Defensive เพื่อลดความผันผวนของพอร์ต