“วิกฤติคือโอกาส” กับตลาดหุ้นจีนท่ามกลางความท้าทาย
บล.พาย มอง “วิกฤติคือโอกาส” กับตลาดหุ้นจีนท่ามกลางความท้าทายโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
ในปัจจุบันที่ความสัมพันธ์ระหว่างมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐฯ และจีนได้ก้าวเข้าสู่ยุคของการแข่งขันที่พาไปสู่สงครามการค้า ทั้งสองประเทศต่างก็ใช้มาตรการกำแพงภาษีเป็นอาวุธหลักในการต่อสู้ นอกจากนี้ การแข่งขันด้านเทคโนโลยียังเป็นอีกหนึ่งสมรภูมิที่สำคัญ ซึ่งสหรัฐฯ ได้ออกมาตรการจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะในส่วนของเซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยี AI ไปยังจีน

ท่ามกลางความท้าทายจากสงครามการค้า สงครามค่าเงิน และการแข่งขันด้านเทคโนโลยีกับสหรัฐฯ ทำให้ตลาดหุ้นจีนแทบไม่มีการเคลื่อนไหวในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จนทำให้ปัจจุบัน ณ สิ้นไตรมาสที่ 1/2568 ดัชนีตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Stock Exchange) มีการซื้อขายที่ระดับ P/E Ratio เพียง 14.34 เท่าเท่านั้น (เปรียบเทียบกับตลาดหุ้นไทยที่อยู่ที่ 13.18 เท่า) ซึ่งหากเทียบกับดัชนีตลาดหุ้นในประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น สหรัฐฯ หรือแม้แต่ยุโรป ก็ล้วนทำราคาดัชนีไต่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ในสภาวะเช่นนี้ คนทั่วไปอาจมองว่าเป็นวิกฤติของจีน แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง ดังที่สุภาษิตจีนว่าไว้ “วิกฤติคือโอกาส” ก็เป็นอีกมุมมองที่น่าสนใจและสามารถสะท้อนสถานการณ์ตลาดการเงินจีนในปัจจุบันได้อย่างชัดเจน
นายกวี ชูกิจเกษม ประธานเจ้าหน้าที่สายการบริหารพอร์ตการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ได้แบ่งปันมุมมองว่า แม้ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนอาจจะไม่โดดเด่นอย่างตลาดอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตาม จีนยังคงเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ซึ่งในตลาดหุ้นจีน เต็มไปด้วยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ จีนไม่ได้นิ่งเฉย แต่กลับเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองเพื่อลดการพึ่งพาต่างชาติผ่านนโยบาย “Made in China 2025” ซึ่งรัฐบาลจีนได้ปรับกลยุทธ์การพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ โดยเน้นการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี การเปิดตลาดทุนให้นักลงทุนต่างชาติเข้าถึงได้ง่ายขึ้น รวมถึงการผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตแบบยั่งยืนมากขึ้น
ปัจจัยหลักที่สนับสนุนการฟื้นตัวของตลาดหุ้นจีนมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีพลังงานทดแทน นอกจากนี้ยังมีบริษัทสัญชาติจีนที่น่าจับตามอง มากมาย เช่น Tencent, Alibaba, CATL, BYD และ Baidu
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเทคโนโลยีขั้นสูง จึงเป็นโอกาสอันดีสำหรับนักลงทุนที่จะได้เห็นด้วยตาตนเองว่านวัตกรรมของจีนกำลังกำหนดรูปแบบตลาดโลกอย่างไร และเพื่อค้นหาโอกาสการลงทุนที่มีแนวโน้มสดใส