คลัง-ก.ล.ต. เปิด “TouristDigiPay” ทดลอง นทท. นำสินทรัพย์ดิจิทัลแลกเป็นเงินบาทนำไปใช้จ่าย
เปิดตัวพื้นที่ Sandbox นักท่องเที่ยวนำสินทรัพย์ดิจิทัลแลกเป็นเงินบาทนำไปใช้จ่าย ผ่าน e-money ทดลองระยะแรก 18 เดือน ใช้จ่ายไม่เกิน 500,000 บาท/เดือน คาดเริ่มใช้จริงไตรมาส 4 ปี 68
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดตัว “TouristDigiPay” โครงการทดสอบ (Sandbox) ในการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาเปลี่ยนเป็นเงินบาทและนำไปใช้จ่ายผ่าน e-money เพิ่มทางเลือกนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งเสริมการนำนวัตกรรมและสินทรัพย์ดิจิทัล มาสนับสนุนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ โดยเป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ร่วมกับ กระทรวงการคลัง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งเป็นโครงการที่สนับสนุนภาคการท่องเที่ยว “TouristDigiPay” อธิบายง่ายๆ คือ การเพิ่มทางเลือกและช่องทางการใช้จ่ายเงินให้กับนักท่องเที่ยว โดยเป็นโครงการทดสอบ (Sandbox) นำสินทรัพย์ดิจิทัลมาเปลี่ยนเป็นเงินบาทและนำไปใช้จ่ายในประเทศไทยผ่านระบบ e-money รัฐบาลมีระยะเวลาทดสอบภายใน 18 เดือน โดยมีการป้องกันความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสม
สำหรับการใช้จ่าย เบื้องต้นกำหนดค่าใช้จ่ายไม่เกิน 500,000 บาทต่อเดือน หรือต่อครั้งไม่เกิน 100,000 บาท และจะไม่ผูกกับเครดิตการ์ด ซึ่งเชื่อว่าเมื่อประกาศใช้แล้วจะบรรลุวัตถุประสงค์เป็นประโยชน์กับผู้ใช้งานและช่วยทำให้ภาคการท่องเที่ยวเติบโต
โครงการนี้ ถือเป็นรูปแบบแรกของโลก ที่ไม่ใช้คริปโทเคอร์เรนซีโดยตรง เพื่อเป็นสื่อกลางชำระเงิน แต่เป็นการแลกเป็นเงินบาทแล้วนำไปใช้ผ่าน e-money อีกทั้ง ยังเอื้อต่อร้านค้ารายย่อย เพราะสามารถชำระได้เหมือนการซื้อขายปกติ ต่างจากที่ต่างประเทศใช้คริปโทเคอร์เรนซีผูกกับบัตรเครดิตและใช้จ่ายเฉพาะในร้านค้าขนาดใหญ่ แต่โครงการนี้จะเข้าถึงร้านค้าทั่วไป สตรีทฟู๊ด และร้านขายของชำ
โดยการ ขาแลกเข้า:
- นักท่องเที่ยวต่างชาติโอนสินทรัพย์ดิจิทัลมายังบัญชีที่เปิดกับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และแจ้งความประสงค์ขายสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาทผ่านช่องทางที่ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลให้บริการ
- ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจะดำเนินการแลกเปลี่ยน DA เป็นเงินบาท และโอนเงินบาทไปยังบัญชี e-money ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ (ชื่อตรงกัน)
- นักท่องเที่ยวต่างชาตินำเงิน e-money ไปใช้จ่ายที่ร้านค้า โดยไม่มีการนำสินทรัพย์ดิจิทัลไปใช้ชำระเงินค่าสินค้าและบริการ (Means of Payment) กับร้านค้า
ขาแลกออก:
- นักท่องเที่ยวต่างชาตินำเงินที่เหลือในบัญชี e-money มาแลกคืนเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลโดยแจ้งความประสงค์ซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านช่องทางที่ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลให้บริการ
- ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจะดำเนินการแลกเปลี่ยนเงินบาทเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล และโอนสินทรัพย์ดิจิทัล กลับไปยังกระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัลของนักท่องเที่ยวต่างชาติ (ซึ่งต้องเป็นกระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัลเดียวกับที่โอนสินทรัพย์ดิจิทัลฝากเข้ามา)
โดย ก.ล.ต. ไม่ได้กำหนดว่าจะต้องเป็นเหรียญใดบ้าง แต่ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกเหรียญที่นำมาให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่เข้าร่วมโครงการ Sandbox ตามปกติ (ปัจจุบันผู้ประกอบธุรกิจมีหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัลที่นำมาให้บริการอยู่แล้ว โครงการ Sandbox ไม่ได้มีเกณฑ์เพิ่มเติมขึ้นจากเดิม) ซึ่งสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ผู้ประกอบธุรกิจ
สำหรับราคาในการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาทใช้ราคาตลาดตามช่วงที่ทำการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาทผ่านผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และเนื่องจากในการใช้จ่ายเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ จะใช้จ่ายด้วยเงินบาทผ่านผู้ให้บริการ e-money ดังนั้น ร้านค้าหรือผู้ประกอบการทั่วประเทศที่สามารถรับชำระเงินค่าสินค้าหรือบริการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การสแกน QR Code เป็นต้น สามารถให้บริการได้ตามปกติ
นายพิชัย คาดว่า หากนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยปีละประมาณ 35 ล้านคน มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5,000 บาทต่อคนต่อหัว และหากโครงการนี้ทำให้การใช้จ่ายสะดวกขึ้น ก็จะทำให้เกิดแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% ซึ่งจะก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดเพิ่มขึ้นประมาณ 1.75 แสนล้านบาท
ขณะที่ นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มว่า โครงการนี้เป็นโครงการทดสอบ (Sandbox) ระยะเวลา 18 เดือน ซึ่งหากผ่านแล้วเวลาดังกล่าวและระบบไม่มีปัญหา กระทรวงการคลังก็จะขยาย วงเงินการแลกคริปโตเป็นเงินบาทให้มากกว่า 5.5 แสนบาทต่อเดือน เพื่อให้สามารถนำเงินทริปโตไปซื้ออสังหาฯ หรือ สินทรัพย์ราคาแพง เช่น เรือยอร์ช เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ
การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ควบคู่ไปกับการท่องเที่ยว จะช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ และดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาใช้จ่ายในไทยมากขึ้น อีกทั้งยัง เป็นการวางรากฐานให้ประเทศไทยก้าวสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ
ด้านนางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า สำหรับ “TouristDigiPay” ภายใต้โครงการ Sandbox จะเปิดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ร่วมกับผู้ให้บริการ e-money ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สามารถให้บริการแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล โดยนำมาเปลี่ยนเป็นเงินบาทและใช้จ่ายในประเทศไทยผ่านระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-money) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยโครงการนี้ มีระยะเวลา 18 เดือน เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติมให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติในการนำสินทรัพย์ดิทัลมาเปลี่ยนเป็นเงินบาทได้ ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสในการดึงดูดเม็ดเงินจากต่างประเทศ ส่งเสริมความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจไทย ซึ่งการใช้จ่ายภายใต้ TouristDigiPay นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถสแกนชำระเงิน เช่น ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน เป็นต้น กับร้านค้าต่าง ๆ ได้ในทุกพื้นที่ในไทย ทั้งร้านค้าขนาดใหญ่ และพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย ทั้งนี้ ไม่มีการนำสินทรัพย์ดิจิทัลไปใช้ชำระเงินค่าสินค้าและบริการ (Means of Payment) กับร้านค้า โดยร้านค้าจะได้รับชำระค่าสินค้าหรือบริการเป็นสกุลเงินบาท
ทั้งนี้ โครงการ TouristDigiPay เป็นการต่อยอดระบบนิเวศ (ecosystem) เดิมที่มีอยู่แล้วร่วมกัน ระหว่างระบบการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้กำกับดูแลของ ก.ล.ต. และระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-money) ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. ซึ่งมีการป้องกันความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยมีกระบวนการทำความรู้จักตัวตนของผู้ใช้บริการ (KYC/CDD) ตามเกณฑ์ของ ปปง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำหรับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและผู้ให้บริการ e-money
ขณะนี้ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และเปิดให้ผู้ประกอบธุรกิจเข้ามาหารือเพื่อเตรียมความพร้อม (pre-consultation) ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2568 คาดว่า จะสามารถเริ่มให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ และเมื่อโครงการสิ้นสุดลงจะมีการประเมินประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาต่อยอดเพิ่มเติมต่อไป
ขณะที่ นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า ทาง ปปง. ได้ประสาน กลต. อย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว โดยกระบวนการนำเงินมาแลกเป็นเงินดิจิทัลนั้น มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า ด้วยการ KYC ตั้งแต่ต้นทาง และกรณีที่เปลี่ยนเงินบาทกลับไปเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลจะมีการตรวจสอบอีกครั้ง
ทาง ปปง. มั่นใจ ในกระบวนการทำงานของเรา ซึ่งเรามีการตรวจสอบต้นทาง พร้อมยืนยันว่า เรามีความพร้อม
BTC
ETH
DOGE
ADA
BNB
KUB