คริปโทฯ ดิ่งหนัก หลังถูกบังคับขายล้างพอร์ต กระทบนักเทรดกว่า 4 แสนราย
คริปโทเคอร์เรนซี ดิ่งหนัก หลังเจอถูกบังคับขายล้างพอร์ต กระทบนักเทรดกว่า 4 แสนราย ส่งผลต่อราคาเหรียญทุกสกุลร่วงลงทั้งหมด
มีรายงานว่า ตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ถูกบังคับปิดสถานะ หรือ ขายล้างพอร์ต (liquidation) 1.5 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เกิดการเทขายอย่างหนัก ในช่วงคืนที่ผ่านมา ส่งผลต่อราคาเหรียญร่วงลงทั้งหมด โดย บิตคอยน์ ร่วงลงถึง 3% แตะระดับ 111,998 ดอลลาร์ ราคา อีเธอเรียม ร่วงลงมากถึง 9% เหลือ 4,075 ดอลลาร์ เช่นเดียวกับ เหรียญอื่นๆ อย่างโซลานา (Solana) , อัลโกรันด์ (Algorand) และ แอวะแลช์ (Avalanche) ก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน
การดิ่งลงของตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ถือเป็นแรงสั่นคลอนครั้งใหญ่ ตั้งแต่ วันที่ 27 มีนาคม เป็นต้นมา จากข้อมูลของ Coinglass ระบุว่า การเทขายครั้งนี้เกิดขึ้นแบบไม่มีสาเหตุ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญ มองว่า เป็นการเทขายที่รุนแรงและกระทบเป็นวงกว้าง จนถือว่าเป็นการปรับฐานครั้งใหญ่
อย่างไรก็ตาม Coinglass ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้มีนักเทรดมากกว่า 407,000 ราย ถูกบังคับล้างสถานะภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง ซึ่งส่งผลให้มูลค่ารวมของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ลดลงต่ำกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์
Timothy Misir หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ BRN บอกว่า หากบิตคอยน์ไม่สามารถกลับไปยืนเหนือ 115,000 ดอลลาร์ และทรงตัวอยู่ได้ อาจเสี่ยงที่จะเข้าสู่ขาลงลึกยิ่งกว่าเดิม
ในช่วงก่อนหน้านี้ ความต้องการจากกองทุนหรือบริษัทจดทะเบียนเพื่อการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล ส่งผลให้ราคา บิตคอยน์ และอีเธอเรียม พุ่งทำจุดสูงสุดตลอดกาลในเดือนสิงหาคม แต่แรงขับเคลื่อนเหล่านั้นเริ่มอ่อนแรงลง เมื่อราคาหุ้นของบริษัทที่มีสินทรัพย์ดิจิทัลสำรอง เช่น Strategy ของ Michael Saylor และ Metaplanet Inc. ของญี่ปุ่น เริ่มปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บิตคอยน์ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 110,100 ถึง 120,000 ดอลลาร์ นับตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม ขณะที่เหรียญอื่นอย่าง อีเธอเรียม และ โซลานา ปรับขึ้นไปแล้ว 74% และ 52% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการผันผวนของบิตคอยน์ อีกด้านคือ ราคาทองคำ ซึ่งมักถูกนำมาเปรียบเทียบในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย สร้าง All-Time High แทบทุกวัน โดยแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่เกือบ 3,720 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในวันจันทร์ ขณะที่ ราคาเงินแท่งก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยมีปัจจัยมาจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (เฟดลดอัตราดอกเบี้ย) ขณะที่ปัจจัยดังกล่าวมีผลต่อราคาบิตคอย์น้อย
ด้าน นายวรเมธ จันทร์เสน ที่ปรึกษาการลงทุน บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด กล่าวในงานสัมมนา “หลัง Fed ปรับดอกเบี้ย: คริปโทฯ จะไปทางไหน” ว่า ภาพรวมไตรมาส 3 - 4 ของปีนี้ เป็นช่วงที่ตลาดคริปโทฯ มีโอกาสเชิงรุกจากนโยบายการเงินที่เริ่มผ่อนคลาย กระแสเงินผ่าน ETF และโครงสร้างดีมานด์ที่แข็งแรง แต่ผู้ลงทุนควรเฝ้าระวังความไม่แน่นอนของนโยบายดอกเบี้ยในปีหน้าและความเปลี่ยนแปลงเชิงสถาบันของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งอาจกระทบความเชื่อมั่นเป็นระยะ ทั้งนี้ เมอร์เคิล แคปปิตอล แนะนำให้เน้นวินัยการลงทุน การกระจายพอร์ต และการติดตามข้อมูลมหภาคอย่างใกล้ชิด เพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาส ขณะควบคุมความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
BTC
ETH
DOGE
ADA
BNB
KUB