เซ็นทรัลพัฒนาเปิดตัว 'The Central พหลโยธิน' เมกะโปรเจ็กต์ 2.1 หมื่นล้าน
เซ็นทรัลพัฒนา ทุ่มงบ 21,000 ล้านบาท ลุยเมกะโปรเจ็กต์ "The Central พหลโยธิน" พร้อมเปิดให้บริการสิ้นปี 69 คาดดึงนักท่องเที่ยว 130,000 คนต่อวัน กุมกำลังซื้อพหลโยธินลาดพร้าว
นายชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้าและกลุ่มงานพัฒนาโครงการ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา เปิดเผยถึงความคืบหน้าเมกะโปรเจ็กต์ The Central พหลโยธิน หรือ ศูนย์การค้าแฟล็กชิพแห่งอนาคตของเซ็นทรัลว่า ความคืบหน้าล่าสุดของโครงการขณะนี้ ฐานรากของตัวโครงการได้ก่อนสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้จะเป็นขั้นตอนการก่อสร้างโครงสร้างบนดิน ซึ่งคาดว่าการก่อสร้างแต่ละชั้นค่อนข้างรวดเร็วและเสร็จตามแผนที่กำหนด
ดังนั้น คาดว่าการก่อสร้างจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 4 ของปี 2569 และจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในสิ้นปีหรือภายในเดือนธันวาคม และคาดว่าจะสามารถดึงดูดลูกค้าอยู่ที่ประมาณ 130,000 คนต่อวัน โดยบริเวณดังกล่าวเป็นบริเวณที่มีถนนใหญ่ผ่านคือ ทางพหลโยธินและวิภาวดี ซึ่งเซ็นทรัลได้มองเห็นว่าย่านนี้ยังสามารถพัฒนาและต่อยอดได้อีก จึงเกิดเป็นโครงการ The Central พหลโยธินขึ้น
และเชื่อว่าโครงการนี้จะช่วยยกระดับกรุงเทพตอนเหนือให้ย่านพหลโยธินลาดพร้าวและผู้บริโภคในบริเวณนั้นได้อย่างเต็มที่และคิดว่าจะสามารถดึงศักยภาพของกรุงเทพตอนเหนือมาเติมเต็มให้บริเวณดังกล่าวมีศักยภาพเพิ่มขึ้น"
โดยเซ็นทรัลพยายามที่จะเชื่อมทั้งสองแห่ง คือ ลาดพร้าวและพหลโยธิน ให้เป็นโครงการเดียวกันในอนาคต อย่างการวางแผนทำสะพานเชื่อมหรือสกายวอล์คให้สามารถเดินไปทั้งสองที่ได้อย่างสะดวก ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการศึกษาความเป็นไปได้
นอกจากนี้ นายชนวัฒน์ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการ "The Central พหลโยธิน" จะมี 3 จุดเด่นที่เป็นเรือธงสำคัญ คือ
- Location Power หรือศักยภาพของโลเคชั่น เนื่องจากโครงการตั้งอยู่บนถนนสองสายหลัก คือ วิภาวดีรังสิต และ พหลโยธิน ปัจจุบันมีรถยนต์สัญจรผ่าน 337,000 คันต่อวัน รวมถึง MRT สายสีน้ำเงินมีผู้โดยสาร 15,600 คนต่อวัน และ BTS สายสีเขียวมีผู้โดยสาร 35,100 คนต่อวัน และในอนาคตหลังศูนย์เปิด คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอีก 30% อีกทั้งย่านนี้ยังเชื่อมไปสู่ สนามบินดอนเมือง ทำให้ดึงคนไทยและต่างชาติเข้ามายังย่านลาดพร้าว-พหลโยธิน
- Market Magnet โดยโครงการ The Central พหลโยธินจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดการเติบโตใหม่ๆ และ จะเป็นตัวเร่งสำคัญที่ยกระดับย่านให้กลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจและไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ เนื่องจากย่านนี้มีดีมานด์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง Catchment Area มีประชากรประมาณ 2.5 ล้านคนและ จากฐานข้อมูลของเราอ้างอิงจากเซ็นทรัลพัฒนา พบว่าในย่านนี้มีกลุ่มลูกค้า Wealth Segment กำลัง ซื้อสูงกว่าค่าเฉลี่ยคนกรุงเทพฯ ถึง 2.3 เท่า อีกทั้งยอดขายต่อพื้นที่ (Sales per GLA) สูงกว่าค่าเฉลี่ย ศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ ถึง 45% และจำนวนผู้ใช้บริการมากกว่าศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ โดยเฉลี่ยถึง 2.19 เท่า
- Flagship of Sub-Culture Communities คือพื้นที่ที่เปิดรับคนรุ่นใหม่และคนทุกกลุ่ม รองรับกิจกรรมที่ หลากหลาย ตั้งแต่ Urban Sport Community, Immersive Art Destination, Experiential Discovery Zone และ Family Entertainment อีกทั้งยังเป็น Collective Social Ground พื้นที่ของทุกคน นอกจากนี พื้นที่การจัดงานยังรองรับ Multi-Cultural Events และในส่วน Convention Hall มีพื้นที่กว่า 6,700 ตร.ม. สามารถรองรับคอนเสิร์ตและอีเว้นท์ระดับโลกอีกด้วย
จากการวิเคราะห์ของเซ็นทรัลมองว่าพหลโยธินมีศักยภาพเทียบชั้นย่านราชประสงค์ ในฐานะย่านที่เป็นทำเลยุทธศาสตร์เหมาะกับการ พัฒนาโครงการระดับ World-Class และอัตราการเติบโตสูงเทียบชั้นย่าน Central CBD จากข้อมูลปีล่าสุด พหลโยธินช่วงต้นติด Top 10 ทำเลราคาที่ดินแพงที่สุดในประเทศไทยปี 68 โดยมีราคาประเมินอยู่ที่ 1.9 ล้านบาทต่อตารางวา อัตราการเติบโตสูงถึง 5% ซึ่งตัวเลขนี้การันตีถึง ศักยภาพการเติบโตที่ชัดเจน
ปัจจุบัน โครงการที่อยู่อาศัยที่แวดล้อมศูนย์การค้า The Central พหลโยธิน มีมากถึง 472 โครงการและมากกว่า 50% เป็นโครงการในระดับ Upper Segment ขึ้นไป นอกจากนี้ อาคารสำนักงานต่างๆ ยังมีแนวโน้ม ขยายตัวสู่ย่านรอบนอก โดยเฉพาะในแนว North Corridor พหลโยธินและวิภาวดีรังสิต
ดังนั้นกลุ่ม คนทำงานจะเข้ามาในพื้นที่และเป็นกำลังซื้อที่มหาศาล ในส่วนอาคารสำนักงานที่ตั้งรอบโครงการมีถึง 52 แห่งในจำนวนนี้ 15 แห่งเป็น Grade A Office สะท้อนถึงคุณภาพของทำเลและศักยภาพการเป็น ศูนย์กลางWorkplace แห่งอนาคตของกรุงเทพฯ ในส่วนของ Quality Neighbourhood โครงการยัง แวดล้อมด้วยโรงเรียนชั้นนำ 51 แห่ง เป็นโรงเรียนอินเตอร์ 6 แห่ง มหาวิทยาลัยชั้นนำ 9 แห่ง และ โรงแรม 41 แห่ง
BTC
ETH
DOGE
ADA
BNB
KUB