PQS ผุดแนวคิด Eco Park สร้างความยั่งยืนภาคเกษตรกรรม
PQS ผนึกภาคีเกษตรกร-ชุมชนสร้างความยั่งยืนภาคเกษตรกรรม ผุด Eco Park-เปิดหลักสูตรปลูกมันสำปะหลัง หวังเพิ่มผลผลิตแบบยั่งยืน
พรีเมียร์ ควอลิตี้สตาร์ช (PQS) ผนึกภาคีเกษตรกร ชุมชน ภาคเอกชนและภาครัฐ ร่วมมือเดินหน้าสร้างความยั่งยืนภาคเกษตรกรรม ภายใต้แนวคิด PQS Eco Park พร้อมเปิด หลักสูตรปลูกมันสำปะหลัง หวังสร้างอาชีพให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ หันกลับมาทำการเกษตรด้วยเทคโนโลยี หรือ Smart Farming เพื่อนำไปสู่อาชีพที่มั่นคงยั่งยืนของเกษตรกรชาวอีสาน และเพิ่มผลผลิตการปลูกมัน สำปะหลัง รวมทั้งนำผลพลอยได้กลับมาใช้ประโยชน์ให้ มากที่สุด หรือ “Waste to Value” ตั้งเป้าลดก๊าซเรือนกระจกสู่ “Net Zero”ภายในปี 2570

นายรัฐวิรุฬห์ ชาญจึงถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทพรีเมียร์ ควอลตี้ สตาร์ช จำกัด (มหาชน) หรือ PQS ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง และแป้งดัดแปร เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจให้ เติบโตอย่างยั่งยืน (SD concept) โดยตลอดระยะเวลาของการดำเนินธุรกิจมา 20 ปี PQS มีความเชื่อในเรื่องความยั่งยืนว่าเป็น ทางรอดร่วมกันของสังคม และผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ดังนั้นเมื่อปี 2566 ได้มีแนวคิดในการพัฒนาใช้ประโยชน์พื้นที่ Secure Supply เพาะปลูกมันสำปะหลังเพื่อส่งเข้าโรงงาน ของบริษัท ซึ่งมีพื้นที่ขนาด 250 ไร่ ด้วยการสร้างต้นแบบความยั่งยืนของพื้นที่ปลูกมัน สำปะหลังภายใต้แนวคิด "PQS Eco Park" ซึ่งเน้นการ พัฒนาร่วมกับชุมชนในด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำ การ ปลูกต้นไม้เพื่อให้เป็นแหล่งอาหารตามธรรมชาติ เพื่อสร้างระบบนิเวศน์ (Eco System) ให้กลับมาสมบูรณ์
นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้พื้นที่แห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับ ระบบนิเวศเกษตรโดยให้เกษตรกรจากชุมชนเข้ามามี ส่วนร่วมในการพัฒนาอาชีพและเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนอีกด้วย โครงการนี้ไม่เพียงช่วยพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนเท่านั้น แต่ ยังมุ่งเน้นในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ลดผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจด้านการผลิต และมุ่งเน้นสร้างผลกระทบเชิงบวกด้วย การนำผลพลอยได้จากอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลัง กลับมาใช้ประโยชน์ในแบบ "Waste to Value" เป็นการหมุนเวียนการใช้ทรัพยากรที่ก่อให้เกิดคุณประโยชน์ อย่างมาก

“การพัฒนาที่ยั่งยืนไม่ใช่ทางเลือกเพียงเพื่อตัวเราเองอีกต่อไป แต่เป็นมรดกที่ทิ้งไว้ให้กับ คนรุ่นหลัง เราทุกคนจึงต้องร่วมแรงร่วมใจเพื่อ สร้างอนาคตที่ดีกว่าปัจจุบัน และ การกระทํา ของเราในวันนี้จะเป็นสัญญาณแห่งความหวัง สําหรับภายภาคหน้า นี่ไม่ใช่ปัญหาที่บริษัทใด บริษัทหนึ่ง หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง จะสามารถแก้ไข ได้เพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องอาศัย ความร่วมมือจากทุก ภาคส่วนในสังคมทั้ง ภาคเอกชน ภาครัฐ และประชาชน เมื่อทุกคน ตระหนักถึงความสําคัญของปัญหาที่กําลัง วิกฤตนี้และมีการยกระดับจิตสํานึกร่วมกันที่จะลงมือ ปฏิบัติอย่างจริงจัง ก็จะสร้างมาตรฐานที่ดีต่อสังคมใน อนาคตได้” นายรัฐวิรุฬห์กล่าว
ในด้านการปรับปรุงดิน เพื่อฟื้นฟูการเสื่อมโทรมจากการปลูกพืชมาเป็นระยะเวลานาน PQS ได้ริเริ่ม นวตกรรมการใช้สารอินทรีย์ในการปรับปรุงดิน (โครงการ Resoil คืนชีวิตให้ดิน เติมพลังให้โลก) โดย PQS ผลิตสารอินทรีย์ จากผลพลอยได้ของกระบวนการแปรรูปมันสำปะหลัง เพื่อปรับปรุงบำรุงดินและส่งเสริมการเกษตรคุณภาพ จากดินกากตะกอนที่เหลือจากกระบวนการผลิตมาใช้ในการ ปรับปรุงดิน เพราะในดินกากตะกอนเหล่านี้มีสารอินทรีย์ และธาตุอาหารที่เหมาะสมในการเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ ของดินและปรับปรุงโครงสร้างดินซึ่งช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช การใช้สารอินทรีย์ในการปรับปรุง ดินยังเป็นการปรับปรุงดินที่ปลอดภัยสำหรับการเกษตร โดยบริษัทได้ตั้งชื่อผลิตภัณฑ์นี้ เพื่อสะท้อน ความเป็นอยู่ของท้องถิ่นว่า “ดินพี” แฮงดี พืชแฮงงาม ดิน บ้านเฮาเพื่อความยั่งยืน
ส่วนโครงการธนาคารต้นไม้ของ PQS เป็นการสร้างต้นแบบความยั่งยืนของพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง และส่งเสริมความยั่งยืนในระบบเกษตรกรรมและชุมชน บริษัทมีการปลูกต้นไม้ในพื้นที่ โดยเน้นการฟื้นฟูและเพิ่ม พื้นที่ป่า ซึ่งเป็นการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสร้างแหล่งอาหารตามธรรมชาติให้กับชุมชน นอกจากนี้การ ปลูกต้นไม้ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและช่วยลดผลกระทบจากสภาพอากาศรุนแรง (Climate Change) ช่วยให้พืชไร่สามารถทนต่อสภาพอากาศได้ โดยปัจจุบันเริ่มมีเกษตรกร ให้ความสนใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกในพื้นที่บริเวณซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงาน เป็นเฟสแรก ที่เริ่มมีการปลูกป่าเพื่อเป็นแหล่งเงินออม สร้างแหล่งอาหารตาม ธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพิงจากแหล่งอาหาร ภายนอกและส่งเสริมการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนในชุมชน และเตรียมจัดตั้ง Social Enterprise ร่วมกับสมาชิกกลุ่มธนาคารต้นไม้

ด้านอาหารปลอดภัย PQS มุ่งสร้าง Eco Park เป็นฐานในการพัฒนาระบบเกษตรกรรม นำใช้ วัสดุ หมุนเวียนจากดินกากตะกอน และ ทำอาหารสัตว์จาก by products เร่งเตรียมพื้นที่การทำงานเพื่อใช้ประชุม สมาชิก เร่งจัดทำแปลงสาธิต พร้อมกับการขยายจำนวนสมาชิกให้ ครอบคลุมพื้นที่แปลงมันสำปะหลัง เพื่อส่งเสริมสมาชิก ให้เข้าร่วมปฏิบัติการกับโครงการ Sojitz สำหรับจัดส่ง มันไร่ในพื้นที่ของสมาชิกธนาคารต้นไม้เข้าสู่โรงงาน การจัดการน้ำเหลือจากกระบวนการผลิตแป้ง (effluent) การบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อบำบัดน้ำทิ้งจากการผลิตให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่างๆ ได้
บริษัทมีความตั้งใจที่จะส่งเสริม พื้นที่ 250 ไร่ หรือ PQS Eco Park ให้เป็นแหล่งเรียนรู้และถ่ายทอด ความรู้ด้านการจัดการระบบนิเวศเกษตรที่ดี โดยการ แนะนำเกษตรกรในชุมชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการ พัฒนาอาชีพ ซึ่งจะช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจในการ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการจัดการทรัพยากรอย่างมี ประสิทธิภาพ โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อพัฒนา อาชีพและเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน โดยเน้น การพัฒนาทักษะและความรู้ในการจัดการเกษตรกรรม และสนับสนุนให้ชุมชนมีรายได้จากการผลิตพืชเกษตร แบบยั่งยืน ซึ่งจะช่วยสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการ รักษาสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากใน ชุมชน โดยสร้างอาคารอเนกประสงค์จากวัสดุรียูส เพื่อใช้ในการจัดประชุมชาวบ้าน และเป็นจุดสาธิตกิจกรรม ต่างๆ เกี่ยวกับการเกษตร มีการผลิต Content ในชื่อ eco-park studio ส่ง เสริมความรู้เกษตรกรในโซเชียลมีเดีย จัดกิจกรรม eco- park event สถานีวิจัยดิน การสนับสนุนเครื่องจักรกล เกษตรสำหรับสมาชิก แปลงทดลองและแปลงสาธิต การ ขยายพันธุ์มันสำปะหลัง เทคโนโลยีและดิจิทัลเพื่อ การเกษตร การวิจัยและพัฒนา รวมถึงการส่งเสริมการตลาดสำหรับชุมชน
นายรัฐวิรุฬห์ กล่าวอีกว่า บริษัทได้มีการสร้าความยั่งยืน ให้วัตถุดิบของบริษัท และสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกษตร จึงมี การร่วมกับโรงเรียนคำป่าหลายสรรพวิทย์ เป็นโครงการนำร่อง เปิดหลักสูตร วิชาปลูกมันสำปะหลัง เพื่อปลูกฝั่งเยาวชนรุ่นหลังให้รู้วิธี แก้ไขปัญหาการเพาะปลูก และการทำการเกษตรเป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นการส่งเสริมอาชีพให้กับเยาวชน
“โครงการปลูกต้นไม้ให้แผ่นดินเพื่อสร้างความยั่งยืน และ บริษัทมีเป้าหมายลดการปล่อยการเรือนกระจกสู่ความ เป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Net Zero Carbon ภายในปี 2570” นายรัฐวิรุฬห์ กล่าว