"ถอดสูตร" ธุรกิจ อี-คอมเมิร์ซ ของ ป้อม ภาวุธ เคล็ดลับความสำเร็จของคนยืดหยุ่น คิดเร็ว ทำเร็ว มองโลกบวก
ถอดสูตรวันนี้ เจอกับ เจ้าพ่ออี-คอมเมิร์ซ ป้อม ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กับมุมมองการปั้นธุรกิจกว่า 40 บริษัท และกำลังจะผลักดันคนรุ่นใหม่ๆ ให้เติบโตไปพร้อมๆ กับเขาด้วย
ย้อนกลับไปช่วยยุค 90 เชื่อมต่อกับปี 2000 อินเทอร์เน็ตเดินทางเข้ามาถึงประเทศไทย และ ป้อม ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ คือกลุ่มคนแรกๆ ที่กระโดดลงไปในสนามนี้และสร้างธุรกิจในเติบโตมาได้จนถึงปัจจุบัน
เผยหมัดฮุคดีล “BYD” รับกระแสยานยนต์ไฟฟ้าที่แรงเกินต้าน
Passion ที่จะพา BYD ให้โดดเด่นในตลาดรถยนต์ EV ของเมืองไทย
แต่ก่อนที่จะมาถึงจุดนั้นเขาพูดถึงตัวเอง ก่อนที่จะค้นหาความชอบของตัวเองเจอ
ตอนเด็กอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึก มหาวิทยาลัย โง่มาก! และผมเป็นคนเรียนไม่เก่งและยังค้นหาตัวเองไม่เจอ แต่เท่าที่รู้คือไม่ชอบเลข แต่ชอบวาดรูป เลยไปเรียนด้านสถาปัตย์
โชคดีที่สถาปัตย์สอนให้คิดต่าง สอนให้มีความคิดสร้างสรรค์ แต่มีความเป็นไปได้ซึ่งต่างจากศิลปะโดยตรง เพราะอยู่ตรงกลางระหว่างความเป็นวิศวะกับความคิดสร้างสรรค์ แต่ปรากฏว่าที่ได้จริงๆ คือ ตอนเรียนจบแล้ว และได้มารู้จักกับ "อินเทอร์เน็ต"
ช่วงนั้นเขาเพิ่งเรียนจบใหม่ๆ เริ่มต้นจากการทำเว็บไซต์ขายของมือสอง เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้โตขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ ภาวุธ เรียนรู้ คือ
เราเป็นคนไม่เชื่อเรื่องการเรียนเลย เราไม่จำเป็นต้องเรียนเก่ง แต่ต้องเจอในสิ่งที่ชอบ สมัยก่อนแหล่งหาความรู้มันมีจำกัด เด็กรุ่นใหม่เขาเข้าแหล่งความรู้ได้ทันที มีแนวทางชัดเจนกว่าที่เราตอนเด็กที่เรามาเจอตัวเอง
เขาจึงฝากพ่อ-แม่ ของเด็กๆ หลายคนหากพบว่าลูกของคุณมีความสนใจด้านไหน ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้เราเติบโตไปได้ ให้รีบสนับสนุนความสามารถและผลักดันให้ไปให้ได้ไกลที่สุด
อะไรที่ทำให้ "ป้อม ภาวุธ" มาไกลถึงขนาดนี้ได้ คำตอบคือมี 3 เคล็ดลับคือ ยืดหยุ่น มองบวก คิดเร็วทำเร็ว
เขายอมรับว่าเป็นคนมีความยืดหยุ่นสูง เพราะถ้าเรามีความคาดหวังสูงมากและไม่ได้ยืดหยุ่นพอ เพราะมันไม่ได้อย่างที่หวังมันก็ Fail
สอง คือ เป็นคนที่มองโลกในแง่ดีมากๆ และ สาม คือ คิดไม่เหมือนชาวบ้าน แล้วลงมือทำเลย ทำเร็ว เขาบอกว่า ชาวบ้านคิด 10 ทำ 1 แต่เราคิด 10 ทำ 8 ทำให้เห็นผลทันที ทำให้ปัจจุบันเขามีธุรกิจเกือบ 40 บริษัท ซึ่งความคิดบวก ทำให้การทำงานสนุก ซึ่งทำให้มีพลังอยู่เสมอและจะสุดท้ายก็จะทำให้เราไม่เหนื่อย
ถ้าวันนี้ถ้าเรารู้ตัวเองก่อนสัก 10 20 ปีก่อนหน้านี้ เราจะสบายขึ้นเยอะ ซึ่งเรารู้จุดอ่อน จุดแข็งตัวเองการของตัวเอง การทำงานเราจะแม่นยำมากขึ้น
แม้เขาจะเป็นยุคแรกๆ ของอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ต ซึ่งเมื่อเทียบกับปัจจุบันเมื่อโซเชียลมีเดียกำเนิดขึ้นและพร้อมที่จะมียูนิคอร์นใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา แต่ไม่ใช่อุปสรรคของ ป้อม ภาวุธ โดยเฉพาะช่องว่างของอายุ
ไม่คิดว่าอายุมีผล ณ ตอนนี้ เรายังเป็นรุ่นใหญ่ที่เข้าไปอยู่ในสัมคมเด็กๆ อยู่เสมอ ไม่ได้รู้สึกว่าตัวองเป็นคนแก่ แต่เป็นคนเปิดกว้าง บางทีลงไปคุยกับเด็กอายุ 20 กว่า มันมีสังคมที่เราอยากเข้าไปร่วมกับเขา แต่จิตใจ เรามีพลังอยู่ เราคมขึ้นแต่บางอย่างการคมเราสมัยก่อนกับสมัยนี้ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น 10 ปีก่อนมาใช้สมัยนี้ไม่ได้ ดังนั้นการจะไปคุยกับเด็กต้องดูว่าใช่จังหวะนี้หรือเปล่า เพราะสิ่งแวดล้อมมันเปลี่ยนไปแล้ว
ณ วันนี้จากผู้ริเริ่มบุกเบิก เขาค้นพบสิ่งที่ถนัดอีกอย่างคือ "การสร้างคนทำธุรกิจ" ให้โตไปในทิศทางที่ถูกต้องในอนาคตจึงอยากขยายผลเพื่อช่วยเหลือเด็กรุ่นใหม่ด้วยการเปิด "กองทุน" เพื่อเข้าไปสนับสนุนบริษัทใหม่ๆ ที่มีโอกาสเติบโตโดยเฉพาะการเติบโตในต่างประเทศ
และจากการที่รายการถอดสูตร พูดคุยกับ เจ้าพ่อธุรกิจ อี-คอมเมิร์ซ ป้อม ภาวุธ เราจึงได้รวบรวมแง่มุม มุมมอง เคล็ดลับและการทำธุรกิจของเขามาให้
พอเทคโนโลยีเปลี่ยนมากขึ้นการสร้างโอกาสมันก็เกิดขึ้นได้ตลอด ธุรกิจวันนี้ถ้าอยากอยู่รอด คุณก็ต้องการคนที่ชอบการเปลี่ยนแปลงมาอยู่กับคุณ ภาคธุรกิจเองก็ต้องปรับตัว "ลองเปิดตาแล้วสัมผัส" เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจหรือมาเชื่อมโยงกับธุรกิจเดิมของเรา
ไม่สามารถใช้กรอบแนวความคิดเดิมมาใช้ได้กับยุคนี้ คนที่เปิดตาเห็นเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ แล้วสามารถนำมาใช้ได้ก่อน ประยุกต์เข้ากับพฤติกรรมคนรุ่นใหม่เราจะได้โอกาสมหาศาล
การใช้โซเชียลให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่แค่ดูเพื่ออยากให้สำเร็จแบบคนอื่น แต่ต้องใช้ให้เป็นเครื่องมือเพื่อทำอย่างไรให้ไปถึงจุดนั้น ทุกอย่างในโซเชียลเป็นเรื่องสมมติ จนกว่าจะพิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง
คนที่ปรับตัวก่อนจะได้เปรียบแม้ต้องเสี่ยง พอปรับแล้วเราไม่ได้อยู่เฉยๆ เพราะถ้ามันดีขึ้นๆ ก็ยิ่งต้องปรับไปเรื่อยๆ
ธุรกิจต้องมี Vision มองไปข้างหน้า มีความเชื่อ และต้องพยายามปรับจูนอยู่เสมอว่าสิ่งที่คิดอยู่ทำอยู่มันใช่ ถ้าไม่ใช่เราปรับทันที หรือ หาวิธีการอื่นเพื่อให้มันเติบโตไปได้
ผมเป็นคนอยู่กับปัจจุบัน ไม่คิดถึงอดีต มองโลกในแง่บวก สมองเราจึงมีแต่เรื่องดีๆ ส่วนร่างกายก็ควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย ถ้าสุขภาพเราดี จิตใจเราดี ทำงานก็ทำอะไรใหม่ๆ ทำอะไรสนุก ๆ และทำอะไรที่เราชอบ
และสุดท้าย กว่าจะก้าวมาจุดนี้หลายคนมองว่าเส้นทางอาจโรยด้วยกลีบกุหลาบแต่ในความเป็นจริงอาจตรงข้าม
ทุกอย่างไม่ได้สวยงาม ผมผ่านมาทุกอย่างทั้งความล้มเหลว ผ่านปัญหาต่างๆ แต่เป็นคนที่มองข้ามปัญหา ไม่จมอยู่กับปัญหา
และเขาคือ ... ป้อม ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ