เปิดกลยุทธ์ ! “มาดามรถถัง” แนะ ! รัฐฯ แก้กฎหมาย หนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
“มาดามรถถัง” เปิดกลยุทธ์ ! ดึงความเชื่อมั่น 46 กองทัพทั่วโลก เผย ผลประกอบการโต 25% แม้มีข้อจำกัด ด้านกฎหมาย-เข้าถึงแหล่งเงินทุนยาก แนะ ! รัฐฯ แก้กฎหมาย หนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
PPTV WEALTH พาลงพื้นที่ไปสัมภาษณ์พิเศษกับ “คุณนพรัตน์ กุลหิรัญ“ ผู้ก่อตั้งบริษัท ชัยเสรี เม็ททอล แอนด์รับเบอร์ จำกัด หรือ ที่รู้จักกันในชื่อ “มาดามรถถัง” ซึ่งบริษัทฯนี้ ตั้งอยู่บนพื้นที่โรงงาน 87 ไร่ พื้นที่ 140,000 ตรม. ที่ จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นผู้ผลิต ซ่อม และส่งออกรถหุ้มเกราะสัญชาติไทยไปประจำการในยูเอ็นและอีกกว่า 46 กองทัพทั่วโลก
”มาดามรถถัง“ เล่าให้ฟังว่า ปี พ.ศ.2511 ได้เริ่มดำเนินธุรกิจเป็นโรงงานผลิตและรับซ่อมลูกหมาก รถบรรทุกสิบล้อ ชื่อว่า “สหชัย” ต่อมา มีการพัฒนาและผลิตรถถังจนปัจจุบันเป็นผู้ผลิตด้านยานเกราะ และ ชิ้นส่วนยานยนต์ทางการทหารของไทย ที่ได้รับความเชื่อถือมายาวนานกว่า 50 ปี ปัจจุบันส่งออกไปแล้วมากกว่า 40 ประเทศ
กลยุทธ์ด้ได้รับความไว้วางใจ-ความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ
สำหรับ “กลยุทธ์” ที่ทำให้บริษัท ชัยเสรีฯ ซึ่งเป็นบริษัทของไทยได้รับความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ “มาดามรถถัง” บอกว่า ผลิตภัณฑ์ของชัยเสรีทุกประเภทมีคุณภาพ และจะผลิตสินค้าคุณภาพตามความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะอยู่ในภูมิภาคไหน อากาศแบบไหน ก็สามารถทำตามแบบที่ลูกค้าต้องการได้ โดยเฉพาะรถหุ้มเกราะทั้ง 4x4 , 6x6 และ 8x8 ที่สะเทนน้ำสะเทินบก ดังนั้น บริษัท ชัยเสรีฯ จะทำตามความต้องการของลูกค้าเป็นหลักและรวดเร็ว จึงทำให้ลูกค้าทั่วโลกพอใจกันถ้วนหน้า
ส่วนผลงานที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เช่น ยานเกราะ "First Win" และล่าสุดคือ "AWAV 8x8" ซึ่งสามารถปฏิบัติงานได้ทั้งบนบกและในน้ำ หลังจากนี้ จะมีขยายฐานการผลิตทั้งในและต่างประเทศ และอยู่ระหว่างขยายกำลังการผลิตบนพื้นที่ 111 ไร่ ที่ จ.สระบุรี คาดว่า จะแล้วเสร็จใน 2568
ถ้าพูดถึงรถถัง ต้องพูดถึงชัยเสรี และชัยเสรีเป็นสินค้าที่ทั่วโลกรู้ และยอมรับ เป็นสินค้าคุณภาพ
ภาพรวมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศมีแนวโน้มเติบโต
ด้านนายกานต์ กุลหิรัญ กรรมการผู้จัดการบริษัท ชัยเสรีเม็ททอลแอนด์รับเบอร์ จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศมีแนวโน้มเติบโต โดยรายได้บริษัทฯ เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเปรียบกับปีที่ผ่านมา รายได้ต่อปีแตะระดับหลักพันล้านบาท ท่ามกลางความไม่แน่นอนของภูมิรัฐศาสตร์ของโลก ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ UN เอเชียใต้ และเอเชียตะวันตก เช่น ภูฏาน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
สำหรับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการผลิตอาวุธ ข้อได้เปรียบของไทยที่ทำให้ต่างประเทศยอมรับ มองว่า การซื้อ-ขายอาวุธ ส่วนใหญ่จะอิงกับการเมืองเป็นหลักและ เป็นการซื้อระหว่างประเทศ จะดูเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ (geopolitics) เป็นหลัก รวมถึงไทย ขึ้นชื่อเรื่องของทางการฑูตที่สามารถส่งออกและสนับสนุนได้กับทุกประเทศ ทำให้ต่างชาติต้องการมาลงทุนที่ไทยเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าธุรกิจมีโน้มเติบโตสูง แต่ต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูง และติดกับดักกฎหมายประเทศไทยไม่เอื้ออำนวยให้ธุรกิจประเภทอุตสาหกรรมป้องกันประเทศเติบโต โดยมีข้อจำกัด 3 ข้อ คือ
1. กฎหมายการรับรองมาตรฐาน พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้าง ต้นทุนภาษีอากรการนำเข้าวัตถุดิบชิ้นส่วนเหล็ก ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อต้นทุนการผลิต จึงทำให้มีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าประเทศคู่แข่ง 10-15% เมื่อเปรียบเทียบกับ อากรสินค้าสำเร็จรูปนำเข้า อีกทั้งต้นทุนการวิจัยและพัฒนา คิดเป็น 5-6%
2. ข้อจำกัดด้าน พระราชบัญญัติธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2545 หรือ พ.ร.บ. เอสเอ็มอีฯ ที่เอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจ SMEs มีข้อได้เปรียบในการประมูลงานภาครัฐ 10% เนื่องจากการผลิตรถยานเกราะใช้เทคโนโลยีสูง มีเครื่องมือ อุปกรณ์ และแรงงานจำนวนมากไม่จัดอยู่ในประเภท SMEs นี้ /
3. การเข้าถึงแหล่งเงินทุน เนื่องจากขอรับการสนับสนุนจาก Exim bank ยาก เพราะถูกมองว่าเป็นอุตสาหกรรมใหม่ และมีมูลค่าสูง
มีข้อเสนอแนะให้กับรัฐบาล โดยอยากให้มีแนวทางแก้ไขด้านกฎหมายการนำเข้ายุทธภัณฑ์ในเขต Free Zone / แก้ พ.ร.บ. เอสเอ็มอี / Exim bank สนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ / Off-set policy และสนับสนุนการขาย G to G
ด้านนายนาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานสายงานสื่อสารองค์กร ระบุว่า อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เป็น 1 ใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายของไทยที่มีศักยภาพและสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและมั่นคง อีกทั้ง ยังอยู่ในกลุ่ม New S-Curve หลังจากนี้ เตรียมนำข้อเรียกร้องของบริษัท ชัยเสรี เพื่อรื้อกฎหมายต่างๆ เสนอต่อรัฐบาล เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้
ส่วนอนาคตที่ไทยจะมีโอกาสเป็นฮับของอุตสาหกรรมป้องกันระหว่างประเทศในอนาคตหรือไม่นั้น ก็มีความเป็นไปได้สูง เพราะไทยมีความได้เปรียบและมีอุตสาหกรรมบางตัวที่เข้มแข็งอยู่แล้ว หากมีการปรับกฎระเบียบบางอย่าง หรือ ภาครัฐ สนับสนุนบางเรื่อง มั่นใจว่า อุตสาหกรรมนี้จะเป็นดาวรุ่งของไทยอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจนี้มีปัจจัยท้าทายหลายด้าน เช่น การแข่งขันกับผู้ผลิตรายใหญ่จากต่างประเทศ ความผันผวนของค่าเงิน และกฎระเบียบการส่งออกที่เข้มงวด อีกทั้ง ยังต้องพัฒนามาตรฐานการผลิตเพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการทางยุทธวิธีที่ซับซ้อนขึ้น การเติบโตของชัยเสรีแสดงให้เห็นถึงความสามารถของบริษัทไทยในการผลิตสินค้าด้านการทหารที่ได้มาตรฐานสากล และการขยายสู่ตลาดต่างประเทศทำให้บริษัทได้รับการยอมรับในฐานะผู้ส่งออกในกลุ่มประเทศอาเซียนและภูมิภาคอื่นๆ
BTC
ETH
DOGE
ADA
BNB
KUB