เศรษฐกิจไม่ฟื้น ธุรกิจสร้างบ้าน ปี 67 รายได้วูบ 20%
ธุรกิจสร้างบ้าน ปี 67 รายได้ 2 แสนล้าน ลดลง 20% เหตุภาวะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว “บ้านเพื่อคนไทย” ไม่มีผลต่อตลาดรับสร้างบ้าน
นายอนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA : Home Builder Association) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านทั่วประเทศ ปี 2567 มีมูลค่าประมาณ 211,000 ล้านบาท ถือว่าลดลง 20% จากปีก่อนหน้า จากปัจจัยคนไทยสร้างบ้านเองลดน้อยลง โดยการสร้างบ้านในพื้นที่ กทม. ลดน้อยลงมากกว่าต่างจังหวัด
หากแบ่งเป็นรายพื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล 24.37% มูลค่า 51,421 ล้านบาท และต่างจังหวัด 75.63% มูลค่า 159,579 ล้านบาทที่กระจายอยู่ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ

โดยตลาดรับสร้างบ้านแบ่งตามภูมิภาค มีสัดส่วนในปี2567 ดังนี้
1. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18.76% มูลค่า 39,584ล้านบาท ตลาดที่ใหญ่ที่สุดอยู่ในจังหวัดนครราชสีมา รองลงมา ขอนแก่น และบุรีรัมย์
2. ภาคใต้ 16.83% มูลค่า 35,511 ล้านบาท โดยจังหวัดสงขลา เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด รองลงมา คือ นครศรีธรรมราช และภูเก็ต
3. ภาคเหนือ 15.72% มูลค่า 33,169 ล้านบาท ตลาดบ้านสร้างเองในจังหวัดเชียงใหม่ใหญ่ที่สุด รองลงมาเป็นลำปาง และเชียงราย
4. ภาคตะวันออก 12.58% มูลค่า 26,544 ล้านบาทตลาดที่ใหญ่ที่สุดเป็นของจังหวัดชลบุรี รองลงมาคือ ระยอง และฉะเชิงเทรา
5. ภาคตะวันตก 7.52% มูลค่า 15,867 ล้านบาท มีจังหวัดราชบุรี เป็นตลาดใหญ่ที่สุด รองลงมาประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรี
6. ภาคกลาง 4.22% มูลค่า 8,904 ล้านบาท โดยจังหวัดสระบุรี เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด รองลงมา คือ พระนครศรีอยุธยา และลพบุรี
ขณะที่ มูลค่าตลาดรับสร้างบ้านในส่วนของสมาชิกสมาคมฯ อยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งยังอยู่ในภาวะทรงตัว เนื่องจากขาดปัจจัยสนับสนุนที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น อัตราดอกเบี้ยที่จูงใจ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจ ตลอดจนภาระหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะถดถอย หรือ เติบโต ธุรกิจรับสร้างบ้านก็ไม่ได้ถดถอยตาม ยอมรับว่า คนที่จะสร้างบ้านปัจจุบัน ชะลอการตัดสินใจสร้างบ้าน แต่ยืนยันว่า ได้รับบกระทบน้อยมาก
ส่วนในปี 2568 ตัวเลขรายได้ น่าจะเติบโตใกล้เคียงกับ ปี 2567 ที่มีมูลค่ามากกว่า 200,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน มีข้อเสนอแนะอยากให้ภาครัฐเร่งกระตุ้นการรับรู้ภาคการบริโภค ทำให้การเมืองมีเสถียรภาพ และแก้ไขข้อจำกัดกฎหมายแรงงาน เพื่อให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ สำหรับ โครงการบ้านเพื่อคนไทย มีผลกระตุ้นตลาดการสร้างบ้านหรือไม่นั้น นายอนันต์กร มองว่า ไม่มีผลต่อตลาดรับสร้างบ้าน เนื่องจากอยู่คนละกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งบ้านเพื่อคนไทยเน้นกลุ่มเป้าหมายเพื่อคนมีบ้านหลังแรก รายได้ไม่สูงมาก แต่บริษัทฯ ของสมาคมฯ มีกลุ่มเป้าหมายมูลค่าตั้งแต่ 2-3 ล้านบาทขึ้นไป และส่วนใหญ่เป็นบ้านที่มีมูลค่าเกิน 3-100 ล้านบาทขึ้นไป
ขณะที่ กระแสข่าวการปรับเงื่อนไขบ้านบีโอไอ จูงใจเอกชนร่วมบ้านเพื่อคนไทยมีความเห็นอย่างไร นายอนันต์กร มองว่า ไม่กระทบ เนื่องจากเป็นคนละกลุ่มกับบริษัทรับสร้างบ้านของสมาคมฯ โดยบ้านลูกค้าของบริษัทฯ ในสมาคมเป็นเจ้าของมีที่ดินเป็นของตนเอง
ส่วนกรณีต่างชาติ หรือ กลุ่มจีนเทา ลงทุนธุรกิจครบวงจรในไทย (อสังหาฯ ศูนย์เหรียญ) นายอนันต์กร มองว่า ไม่กระทบต่อบริษัทฯ ของสมาคม เพราะมองว่า จะกระทบกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากกว่า