5 กลยุทธ์ลงทุนหุ้นท่ามกลางข่าวร้าย พลิกวิกฤติเป็นโอกาส
Set Invest Now เปิด 5 กลยุทธ์ลงทุนหุ้นท่ามกลางข่าวร้าย เต็มไปด้วยความผันผวน พลิกวิกฤติเป็นโอกาส แม้นักลงทุนมักเทขายหุ้นเพราะความกังวล แต่แท้จริงแล้ว การลงทุนหุ้นท่ามกลางข่าวร้าย อาจเป็นโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี หากใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม
นาย ฐิติเมธ โภคชัย ฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงที่ตลาดหุ้นมักเต็มไปด้วยความผันผวน มีข่าวร้าย เช่น วิกฤตเศรษฐกิจ นโยบายภาครัฐ หรือปัจจัยลบจากต่างประเทศ เช่น สงครามการค้า การตอบโต้ทางภาษี นักลงทุนมักเทขายหุ้นเพราะความกังวล แต่แท้จริงแล้ว การลงทุนหุ้นท่ามกลางข่าวร้าย อาจเป็นโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี หากใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม

1. เตรียมใจรับมือกับข่าวร้ายที่ต่อเนื่อง
โดยทั่วไปแล้ว เมื่ออุตสาหกรรมใดเผชิญกับข้อมูลหรือข่าวเชิงลบมักจะได้รับผลกระทบในระดับหนึ่ง และราคาหุ้นมักจะปรับตัวลดลงตามไปด้วย และเมื่อข่าวร้ายยังคงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ราคาหุ้นอาจปรับตัวลดลงต่อได้อีก หากเกิดสถานการณ์แบบนี้ ควรตั้งสติและพิจารณาให้รัดกุมก่อนตัดสินใจเข้าลงทุน เช่น ประเมินมูลค่าหุ้น (Valuation) ที่เหมาะสมมองหาหุ้นที่มีส่วนลดสูงในแง่ของมูลค่า (Valuation) มูลค่าทางบัญชี (Book Value) มูลค่าตลาด (Market Value) รวมถึงตัวชี้วัดพื้นฐานอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม หากราคาหุ้นปรับตัวลดลง เช่น 30% 50% จากราคาสูงสุด ไม่ได้หมายความว่าเป็นจังหวะซื้อที่ดีที่สุดเสมอไป เพราะราคาอาจปรับลดลงได้อีก
ไม่ควรทุ่มเงินก้อนใหญ่ก้อนเดียวในการลงทุน
ดังนั้น ไม่ควรทุ่มเงินก้อนใหญ่ก้อนเดียวในการลงทุน แต่ควรพิจารณาแนวทางการลงทุนแบบผสมผสานระหว่างการลงทุนแบบเน้นมูลค่า (Value Investing) ด้วยการพิจารณาจากการประเมินมูลค่าและตัวชี้วัดอื่น ๆ โดยเน้นเลือกบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแรง มีราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน กับการลงทุนเชิงรุก (Aggressive Investing) คือ การกล้าเข้าลงทุนหุ้นที่กำลังปรับลดลง
2. วิเคราะห์งบการเงินให้เป็น กุญแจสำคัญสู่การลงทุนหุ้นที่ปลอดภัย
ตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามีอะไรบ้างในงบการเงิน โดยการอ่านงบการเงินจะช่วยให้เห็นภาพว่าบริษัทที่จะลงทุนนั้นทำมาหากินเก่งหรือเปล่า (งบกำไรขาดทุน) มีความแข็งแกร่งแค่ไหน หนี้สินเยอะหรือไม่ (งบดุล) และที่สำคัญช่วยสะท้อนภาพจริงของกิจการ (งบกระแสเงินสด) ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุน จึงควรทำความเข้าใจข้อมูลสำคัญที่อยู่ในงบการเงิน เพื่อที่จะคัดเลือกบริษัทที่ดีและสร้างโอกาสในการลงทุน
- งบแสดงฐานะทางการเงินหรืองบดุล เป็นงบที่บ่งบอกความมั่งคั่ง มั่นคง และบอกฐานะของกิจการว่ารวยขึ้นหรือจนลงอย่างไร มีสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของผู้ถือหุ้นเท่าไหร่ สิ่งเหล่านี้จะสะท้อนออกมาในงบแสดงฐานะทางการเงิน ซึ่งมีนัยสำคัญต่อบริษัท
- งบกำไรขาดทุนเป็นงบที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการดำเนินงาน บริษัททำธุรกิจได้เก่งหรือไม่ มีรายได้ รายจ่าย ต้นทุน และผลกำไรเป็นอย่างไร รวมถึงแนวโน้มของกำไรที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
- งบกระแสเงินสดเป็นงบที่บอกสภาพคล่องของกิจการ เพราะงบกำไรขาดทุนจะบันทึกด้วยเกณฑ์คงค้าง แต่อาจไม่ได้มีเงินสดเข้าหรือออกจริง จึงต้องมีงบกระแสเงินสด เพราะเงินสดสำคัญต่อการอยู่รอดของกิจการ และใช้พิจารณาเงินสดที่หมุนเวียนจากกิจกรรม
3. เริ่มต้นลงทุนแบบค่อยเป็นค่อยไป
เริ่มลงทุนด้วยสัดส่วนที่ต่ำ เพื่อเก็บเงินไว้เฉลี่ยต้นทุนเพิ่มเติมหากราคายังปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยหากสอบถามนักลงทุนที่มีประสบการณ์ในการลงทุน มักจะได้คำตอบว่าการคาดเดาจุดต่ำสุดของราคาหุ้นให้แม่นยำเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่สิ่งที่สามารถประเมินได้ คือ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีข่าวร้าย ราคาหุ้นมักมีความผันผวนสูงในทิศทางขาลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นที่มีค่าเบต้า (Beta) สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด
หากต้องการลงทุนหุ้นดังกล่าว ควรลงทุนกลยุทธ์การแบ่งไม้ซื้อเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน ขณะเดียวกันก็เพิ่มโอกาสในการลงทุน เพราะมีเงินสดในมือที่พร้อมจะลงทุนในครั้งถัดไป หากมั่นใจว่าผลประกอบการของบริษัทจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป อาจเป็นโอกาสที่ดีในการทยอยซื้อในช่วงที่ราคาหุ้นปรับลดลง
4.วิเคราะห์แนวโน้มราคาหุ้น
พิจารณาประวัติราคาหุ้นในช่วงที่เกิดเหตุการณ์เชิงลบ เพื่อช่วยให้เข้าใจได้ดียิ่งขึ้นว่าข่าวร้ายได้ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นอย่างไร โดยให้ความสนใจเป็นพิเศษกับวันที่บริษัทประกาศเตือนเกี่ยวกับผลประกอบการหรือข่าวเชิงลบอื่น ๆ ด้วยการพิจารณาว่าเมื่อประกาศข่าวร้าย ราคาหุ้นตอบสนองอย่างไร รวมถึงวิเคราะห์ปฏิกิริยาของนักวิเคราะห์เกี่ยวกับการนำเสนอข้อมูลผ่านบทวิเคราะห์ รวมถึงติดตามข่าวสารว่าผู้บริหารบริษัทจะแจ้งข้อมูลมายังระบบตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือแถลงข่าว หลังจากมีข่าวร้ายหรือไม่
แน่นอนว่าไม่มีกราฟทางเทคนิคใดที่สามารถระบุได้อย่างแม่นยำว่าราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงมากเพียงใดเมื่อเกิดเหตุการณ์หรือแนวโน้มเชิงลบ ดังนั้น นักลงทุนควรมองหาแนวโน้มเชิงบวก เช่น การขายทำกำไรที่ลดลงหลังจากมีข่าวร้ายล่าสุด เมื่อเทียบกับช่วงที่มีข่าวร้ายในวันแรก ๆ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าตลาดได้สะท้อนข่าวร้ายส่วนใหญ่เข้าไปในราคาหุ้นปัจจุบันแล้ว
5. กระจายการลงทุน วิธีลดความเสี่ยงในตลาดผันผวน
การกระจายการลงทุนถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญอย่างยิ่งในการบริหารความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีข่าวร้าย ด้วยการกระจายเงินลงทุนไปยังอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เพื่อลดผลกระทบจากเหตุการณ์เชิงลบที่อาจเกิดขึ้นกับภาคอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง กลยุทธ์นี้ช่วยให้เกิดความสมดุลในการบริหารความเสี่ยง และมีโอกาสเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของพอร์ตการลงทุน
แม้ข่าวร้ายจะสร้างแรงกดดันต่อตลาด แต่บทเรียนที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าหุ้นมักฟื้นตัวเมื่อปัจจัยลบคลี่คลาย ดังนั้น นักลงทุนที่เข้าใจแนวโน้มราคาหุ้นและไม่ตื่นตระหนกไปตามตลาด ย่อมมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว สิ่งสำคัญคือการมีวินัย ไม่ลงทุนตามอารมณ์ และใช้ข้อมูลที่ถูกต้องในการตัดสินใจ เพื่อให้พอร์ตการลงทุนเติบโตได้แม้ในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวน