เที่ยวไทยคนละครึ่ง เฟสแรกจะให้สิทธิ 1 ล้านสิทธิ กระตุ้นช่วงโลว์ซีซัน

สำหรับความคืบหน้าของโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง”ซึ่งเปิดเผยโดยนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า จะเป็นกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศช่วงโลว์ซีซัน โดยทางรัฐบาลจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวเมืองรอง 50% (ประชาชนจ่ายเอง 50%)  ส่วนเมืองหลักจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายท่องเที่ยว 40% (ประชาชนจ่ายเอง 60%) คล้ายกับโครงการเราเที่ยวด้วยกัน 

โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณ 3,500 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือน พ.ค.-ก.ย. 2568 

อย่างไรก็ตาม  “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” จะเปิดให้ประชาชนใช้สิทธิ จำนวนทั้งหมด 1 ล้านสิทธิ จำกัดสิทธิคนละไม่เกิน 10 ห้อง หรือ 10 คืน (10 สิทธิ) โดยสามารถใช้สิทธิจ่ายค่าห้องพักโรงแรมและร้านอาหารได้ ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนค่าห้องพักโรงแรมสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน ส่วนค่าตั๋วเครื่องบินไม่ได้เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้

 

สำหรับ  สถานการณ์การท่องเที่ยวระหว่างวันที่ 17 - 23 มีนาคม 2568 นายสรวงศ์ เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวชะลอตัวด้านการเดินทางในทุกกลุ่มตลาด โดยเดินทางเข้ามาลดลงร้อยละ 7.36 จากสัปดาห์ก่อนหน้า จากการลดลงของนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดหลัก เช่น ตลาดอินเดียหลังสิ้นสุดการเดินทางในช่วงวันหยุดในเทศกาล Holi ตลาดมาเลเซียเป็นช่วงเวลาเข้าสู่ช่วงเทศกาลถือศีลอดของชาวมุสลิม อีกทั้งเป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล (Long haul) ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเดินทางเข้ามาสะสมแล้วกว่า 1 ล้านคน ส่งผลให้ภาพรวมในสัปดาห์นี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 589,370 คน ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า 46,800 คน หรือร้อยละ 7.36 คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 84,196 คน

โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ จีน (67,580 คน) มาเลเซีย (57,523 คน) รัสเซีย (54,689 คน) อินเดีย (44,061 คน) และญี่ปุ่น (27,819 คน)

สรุปภาพรวมการท่องเที่ยวในสัปดาห์นี้ โดยข้อมูล ณ วันที่ 24 มี.ค. 68 พบว่า ประเทศไทย มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 23 มี.ค. 68 ที่ผ่านมาทั้งสิ้น 8,885,747 คน สร้างรายได้ จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 434,662 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก 
ได้แก่ จีน (1,259,391 คน) มาเลเซีย (1,057,438 คน) รัสเซีย (667,905 คน) อินเดีย (498,341 คน) และเกาหลีใต้