รถไฟฟ้าบีทีเอส เอาโปรแพ็กเกจกลับมาหลังคนโอดราคาต่อเที่ยวสูงมาก

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยถึง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ระบุว่า โครงการนี้เป็นประโยชน์แต่ต้องมาดูว่า บาง Project ทำแล้วขาดทุนหรือต้องไปซื้อมาก็ไม่ได้ พร้อมย้ำว่า ต้องรักษาวินัยการเงินการคลัง และโครงการต้องอยู่รอดและพึ่งพาตัวเองได้ 

ไม่ใช่เก็บ 20 บาท แล้วมานั่งหาส่วนต่างทุกปี ตั้งเป็นงบประมาณ มันไม่ใช่ หรือไปซื้อกิจการมาลงทุน ก็ไม่ใช่เพราะคนที่ลงทุนก็ต้องเสี่ยง

ขณะที่ในช่วงรอยต่อของนโยบาย หลายคนที่โดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือ รถไฟฟ้าบีทีเอส ของ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ต่างเรียกร้องให้แพ็กเกจเที่ยวเดินทางกลับมาเนื่องจากราคาค่าโยสารต่อเที่ยวค่อนข้างสูง โดยราคาที่สูงที่สุดอยู่ที่เที่ยว 62 บาท รวมส่วนต่อขยาย 

ต่อมา บีทีเอส เปิดเผยว่า วันที่ 11 ก.ย. 2568 แพ็กเกจเที่ยวเดินทางบีทีเอส Xtreme Savings พร้อมให้จำหน่ายบนแอปแรบบิท รีวอร์ดส และห้องจำหน่ายตั๋วโดยสารทุกสถานี โดยหลังจากเติมเที่ยวเดินทางเข้าบัตรแรบบิท ผู้โดยสารจะต้องเดินทางเที่ยวแรกภายใน 7 วัน และใช้เที่ยวเดินทางที่เหลือได้ตามอายุแพ็กเกจ

โดยแพ็กเกจเที่ยวเดินทาง สายสีเขียว

• บุคคลทั่วไป เริ่มต้น 34 บาท ต่อเที่ยว ไม่รวมส่วนต่อขยายที่ต้องเติมเงินเพิ่ม 15 บาท
• นักเรียน นักศึกษา เริ่มต้น 27 บาทต่อเที่ยว ไม่รวมส่วนต่อขยายที่ต้องเติมเงินเพิ่ม 15 บาท

เช่นเดียวกับ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง นำแพ็กเกจเที่ยวเดินทางกลับมาเช่นกัน โดยสามารถใช้เดินทางได้ตลอดสาย ลาดพร้าว - สำโรง คือ 

• ผู้ใหญ่ เริ่มต้นเพียงเที่ยวละ 25 บาท 
• นักเรียน เริ่มต้นเพียงเที่ยวละ 20 บาท

ซื้อแพ็กเกจได้ที่ห้องจำหน่ายบัตรโดยสาร บนสถานีรถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง ทั้ง 23 สถานีหรือ ซื้อผ่านแอปพลิเคชันแรบบิท รีวอร์ดส ตั้งแต่ 11 กันยายน 2568 

ทั้งนี้ หลังจากเติมเที่ยวเดินทางเข้าบัตรแรบบิท ผู้โดยสารจะต้องเดินทางเที่ยวแรกภายใน 7 วัน และใช้เที่ยวเดินทางที่เหลือได้ตามอายุแพ็กเกจ 

ด้าน รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน นายสมบัติ  กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM กล่าวว่า ไม่ว่านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายจะเกิดหรือไม่นั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทในระยะยาว และปัจจุบันรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินมีผู้โดยสารเฉลี่ยในวันทำงานมากกว่า 5 แสนเที่ยวต่อวัน (ข้อมูลเดือนสิงหาคมพบว่ามีจำนวนเฉลี่ย 5.2 แสนเที่ยวต่อวัน สูงขึ้นถึง 7% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา)

และจะเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากมีการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ รายรอบเส้นทาง รวมถึงโครงข่ายรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่จะทยอยเปิดให้บริการเพิ่มขึ้นในอนาคต เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันออกที่งานโยธาเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมเปิดให้บริการในอีก 2 ปีข้างหน้า และส่วนตะวันตกที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง จะเข้ามาเชื่อมต่อที่สายสีน้ำเงิน 

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา BEM ได้สร้างการรับรู้และกระตุ้นให้ผู้โดยสารใช้บัตร EMV ในการชำระค่าโดยสาร เพื่อให้เหมาะกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวก รวดเร็วในการชำระค่าบริการ ตลอดจนการเพิ่มช่องทางพิเศษ Fast Track สำหรับบัตร EMV โดยเฉพาะ ในสถานีที่มีผู้โดยสารใช้บริการเป็นจำนวนมาก เช่น สถานีสุขุมวิท สถานีลุมพินี เป็นต้น