“ศุภจี” เปิดใจรับตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ย้ำขอทำเต็มที่ แม้เวลาจำกัดเพียง 4 เดือน
“ศุภจี” เปิดใจรับตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ไม่ได้อยู่ในแผนชีวิต แต่เมื่อได้โอกาสจะขอทำเต็มที่ แม้เวลาจำกัดเพียง 4 เดือน
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี เปิดเผยถึงเหตุผลที่ตัดสินใจเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่าปัจจัยสำคัญคือประเทศกำลังเผชิญความท้าทายทั้งภายในและภายนอก หากประสบการณ์ของตนจะช่วยแบ่งเบาภาระหรือสร้างผลกระทบเชิงบวกได้ ก็พร้อมเข้ามาทำงาน
แม้เวลาการทำงานจะมีเพียง 4 เดือน ก่อนการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ แต่ตั้งใจจะโฟกัสให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยไม่ได้มีเป้าหมายทางการเมืองระยะยาว
นางศุภจี กล่าวว่า การทำงานของกระทรวงพาณิชย์ต้องเชื่อมโยงทั้งการค้าภายในและต่างประเทศ และไม่สามารถทำงานแบบแยกส่วนได้ ด้วยรัฐบาลมีเวลาจำกัด ทุกกระทรวงจึงต้องประสานความร่วมมือเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างรวดเร็วและสอดคล้องกับนโยบายหลักของนายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรีทุกคนก็ต้องร่วมมือกัน แล้วก็ทำในเป้าเดียวกันเพื่อจะทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็ว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องภายในหรือภายนอกประเทศ ก็ต้องฟังนโยบายภาพรวม ซึ่งเราจะต้องรีบช่วยกันร่างขึ้นมา เพื่อจะเสนอหลังจากที่ทุกคนได้รับโปรดเกล้าฯ
ย้ำ! ประเทศมีจุดเด่นหลายด้านที่ควรนำมาใช้
ขณะเดียวกันด้านเศรษฐกิจของไทย นางศุภจี ยอมรับว่าปีนี้เป็นปีที่ท้าทาย เนื่องจากเศรษฐกิจโลกผันผวน มีความขัดแย้งในหลายภูมิภาค รวมถึงปัญหาชายแดนไทย จึงจำเป็นต้องหยิบประเด็นสำคัญมาทำงานร่วมกันหลายกระทรวงเพื่อให้เกิดผลในช่วงระยะสั้นนี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในมุมมองของภาคเอกชน นางศุภจี ระบุว่า ตัวเลข GDP ครึ่งปีแรกออกมาดี โดยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ได้มีการประเมินตัวเลขของปี 2568 ไว้ราว 2% แต่ครึ่งปีหลังยังมีความผันผวนสูง จึงคาดว่าจะอยู่ในช่วง 1–2% ขึ้นอยู่กับมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจว่าจะสามารถดำเนินการได้มากน้อยเพียงใด
ในส่วนของจุดแข็งและจุดอ่อนของเศรษฐกิจนั้น นางศุภจี ย้ำว่า ประเทศมีจุดเด่นหลายด้านที่ควรนำมาใช้ให้ชัดเจน ส่วนจุดด้อยต้องเรียงลำดับความสำคัญว่าจะจัดการเรื่องใดก่อน เพราะไม่สามารถทำทุกอย่างได้พร้อมกัน
ขณะที่ประเด็นค่าเงินบาทแข็งและภาคส่งออก นางศุภจี ชี้ว่า เป็นหน้าที่หลักของกระทรวงการคลัง แต่กระทรวงพาณิชย์ก็พร้อมที่จะสนับสนุนนโยบายให้เดินไปในทิศทางเดียวกัน เช่นเดียวกับโครงการ “คนละครึ่ง” ที่ยืนยันว่าจะเดินหน้าแน่นอน เพราะจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย แต่จำเป็นต้องเสริมด้วยมาตรการสร้างรายได้ เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
พร้อมร่วมมือ เจรจา FTA
ด้านการค้าระหว่างประเทศ นางศุภจี ระบุว่า การเจรจา FTA ไม่ใช่หน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์เพียงลำพัง แต่ต้องประสานงานร่วมกับ กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ และทีมเศรษฐกิจ ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี แต่มีจุดมุ่งหมายหลักคือ กำหนดทิศทางการเจรจา ที่สร้างประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศ ทั้งการรักษาสิทธิประโยชน์ที่มีอยู่ และการเปิดตลาดใหม่ ๆ ให้ผู้ประกอบการไทย
นอกจากนี้ยังมีความท้าทายจาก มาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรป (Carbon Border Adjustment Mechanism) ซึ่งไทยต้องเร่งเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการปรับตัว เพื่อไม่ให้เสียเปรียบทางการค้าในอนาคต
มาตรการภาษีของสหรัฐฯ ไทยต้องมีแผนรองรับหลายทาง
ส่วนประเด็นมาตรการภาษีของสหรัฐฯ นางศุภจีชี้ว่า การเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ เป็นอีกหนึ่งโจทย์ใหญ่ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ ไม่สามารถดำเนินการคนเดียวได้ ต้องทำงานร่วมกับกระทรวงหลักอื่น ๆ เพื่อวางยุทธศาสตร์เจรจา ซึ่งหลังจากที่มีการหารือเรื่องภาษีไปแล้ว ไทยยังต้อง หาตลาดส่งออกใหม่ๆ มาชดเชย เพื่อลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ และกระจายความเสี่ยง โดยประเด็นนี้ถูกโยงกับภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ทำให้ไทยต้องมี แผนรองรับหลายทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นการเสริมตลาดอาเซียน ตะวันออกกลาง หรือประเทศที่กำลังเติบโตทางเศรษฐกิจ
เมื่อถามต่อถึงภาคการท่องเที่ยวจะเป็นไปในทิศทางไหน นางศุภจีให้มุมมองว่า การค้าภายในและการท่องเที่ยวจะต้องเดินไปด้วยกัน เพราะถือเป็นเส้นเลือดสำคัญของเศรษฐกิจไทย หากการท่องเที่ยวฟื้น การค้าภายในก็จะขยับตัวตามไปด้วย
ย้ำ! จะไม่ทำงานการเมืองระยะยาว
สำหรับความคาดหวังของสังคมต่อทีมเศรษฐกิจและรัฐบาลเฉพาะกิจนี้ ยืนยันว่าไม่ใช่ความกังวล แต่เป็นแรงผลักดัน เพราะการเข้ามาทำงานครั้งนี้ตั้งใจใช้สิ่งที่มีของตนเองให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยไม่อยากให้ประชาชนผิดหวัง
อย่างไรก็ดี ในมุมการทำงาน นางศุภจียอมรับว่าต้องปรับตัวจากภาคเอกชนเข้าสู่ระบบราชการ โดยระบุว่า สิ่งที่เคยสำเร็จในอดีตไม่ได้การันตีอนาคต ทุกวันจึงต้องเรียนรู้และพร้อมทำงานร่วมกับข้าราชการ พร้อมเปิดใจเพื่อคลี่คลายข้อจำกัด เพื่อให้เวลาที่มีเพียง 4 เดือนเกิดความหมายสูงสุดต่อประเทศ
นางศุภจียืนยันว่า จะไม่ทำงานการเมืองระยะยาว หากหมดภารกิจ 4 เดือนก็จะกลับไปทำหน้าที่ที่ดุสิตธานีตามเดิม โดยการตัดสินใจครั้งนี้ไม่ได้อยู่ในแผนชีวิต แต่เมื่อได้รับการทาบทามจากนายกรัฐมนตรี จึงได้หารือกับครอบครัวและบริษัทดุสิต ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นชอบ จึงตัดสินใจเข้ามาช่วยประเทศในเวลาที่จำกัดนี้
BTC
ETH
DOGE
ADA
BNB
KUB