แบรนด์จีนกวาดตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระยะสั้นเรียบ แต่อย่าด่วนตัดสิน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองตลาดรถยนต์ไฟฟ้าต้องมองกันในระยะยาวและไม่อาจตัดสินได้ในตอนนี้ว่าการเข้ามาช้าหรือเร็วในตลาดจะมีผลต่อยอดขายในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าภายหลังการแข่งขันของตลาดในประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงไป จากการสนับสนุนของภาครัฐในการส่งเสริมสนับสนุนมาตรการทางด้านภาษีและเงินสนับสนุนตั้งแต่ปี 2565-2568
รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีนในไทยผงาด คาดปี'65 ครองส่วนแบ่งตลาด 80%
มาตรการอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า 1.5 แสนบาท ดันยอดจดทะเบียนทะลุ 1 หมื่นคัน
บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่พร้อมทำการตลาดก่อนอย่างเช่น บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน ได้มีการเร่งทำการตลาดในทันทีเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด ขณะที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติตะวันตกมีการเตรียมเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเช่นกัน ด้านผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นพร้อมที่จะหาจังหวะในการเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต
ทั้งนี้ ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในระยะสั้นจึงตกเป็นของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่มีความพร้อมในการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าออกมาได้ก่อน แต่ในระยะยาวอาจะมีการเปลี่ยนแปลงได้จากการพัฒนาเทคโนโลยีที่ไม่หยุดนิ่ง ขณะเดียวกันผู้ซื้อรถยนต์ในประเทศไทยยังมีปัจจัยประกอบการพิจารณาก่อนการตัดสินใจซื้อ อาทิ การบริการหลังการขาย และ ความพร้อมของอะไหล่ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของตลาดอาจเกิดขึ้นในตลาดรถเช่าระยะยาวก่อน จากปัจจัยที่องค์กรต่าง ๆ กำลังปรับตัวเข้าสู่ความเป็นกลางด้านคาร์บอน (Carbon Neutral) และบางองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนที่เคยเป็นลูกค้าผู้เช่ารถอยู่เดิมก็กำลังผันตัวลงมาสู่ธุรกิจที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น สถานีชาร์จ การผลิตแบตเตอรี่ การประกอบรถยนต์ รวมถึงการให้บริการเช่ารถเองด้วย เป็นต้น
มาตรการส่งเสริมของภาครัฐสามารถกระตุ้นการตัดสินใจซื้อผู้บริโภคได้เป็นอย่างดีจากการมอบส่วนลด 7 หมื่น - 1.5 แสนบาท รวมถึงการกระตุ้นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ในการลดอัตราภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเกิดการคึกคักทันที ทำให้ตัวเลขคาดการณ์ของ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ต้อตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมีโอกาสปรับตัวเกิดคาดการณ์ไปอยู่ในระดับ 1 หมื่นคัน และมีแนวโน้มที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะยังคงขยายตัวต่อเนื่องในปีถัด ๆ ไป
ขณะที่ การเปิดจยอมรับรถยนต์ไฟฟ้าของผู้บริโภคชาวไทยอย่างรวดเร็วเกิดคาด จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในการเร่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคตลอดช่วงระยะเวลาการสนับสนุนของรัฐบาล โดยสถานการณ์ขาดแคลนชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้การผลิตและส่งมอบไม่ทันต่อความต้องการในปัจจุบัน ซึ่งภายหลังปัญหาคลี่คลายลงแล้วมีความเป็นไปได้ที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอาจพุ่งสูงไปมากกว่าที่คาดการณ์ไว้อีกมาก
“ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการลุยตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยของแต่ละค่ายรถอาจไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับการวางกลยุทธ์ ทำให้เราได้เห็นทั้งการเร่งเข้ามาทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของค่ายรถหน้าใหม่หลายราย เพื่อพยายามเจาะตลาดรถยนต์ไทยโดยใช้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นตัวนำ”
จากทิศทางดังกล่าว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า อาจทำให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าตลาดรถยนต์ไทยอยู่เดิมต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้น ขณะที่เข้ามาลุยตลาดรถยนต์ในอนาคต ได้แก่
- ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท มีผู้เล่นหน้าใหม่อย่างจีนและไทยเข้ามาชิงส่วนแบ่งทางการตลาด ด้วยกลยุทธ์ราคาเพื่อเร่งสร้างฐานตลาดผู้บริโภครายได้ปานกลางก่อนเพราะกลุ่มนี้มีส่วนแบ่งขนาดใหญ่ถึงมากกว่า 80% ของยอดขายรถยนต์นั่งในแต่ละปี ในจังหวะที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นยังไม่มีรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มนี้เข้ามาทำตลาด
- ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าราคา 1-2 ล้านบาท ตลาดนี้เทียบเท่ากับราคารถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์ญี่ปุ่นที่กำลังมีแผนการทำตลาด มีโอกาสแข่งขันกับผู้เล่นรายใหม่ที่ผู้โภคเริ่มให้การยอมรับ โดยเฉพาะแบรนด์ดังระดับโลกทั้งจากซีกโลกตะวันตกและจากจีนที่ต่างมีแผนจะเข้ามาลุยตลาดในไทย ซึ่งจะทำให้การแข่งขันในกลุ่มนี้สูงขึ้นมาก (ตลาดกลุ่มนี้มีส่วนแบ่งราวกว่า 10% ของตลาดรถยนต์นั่งไทย)
- ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าราคา 2 ล้านบาทขึ้นไป มีโอกาสปรับราคาลงมาแข่งขันกับรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ญี่ปุ่น ที่อยู่ในระดับใกล้เคียง 2 ล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการผลิตในประเทศ ทำให้ผู้บริโภคที่มีระดับรายได้ค่อนข้างสูงมีทางเลือกในตลาดรถหรูมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าต้องมองกันในระยะยาวและไม่อาจตัดสินได้ในตอนนี้ว่าการเข้ามาช้าหรือเร็วในตลาดจะมีผลต่อยอดขายในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ เพราะตลาดรถยนต์รถยนต์ไฟฟ้าสำหรับประเทศไทยและโลกยังเป็นตลาดใหม่ เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าเองก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมากและพัฒนาไม่หยุด
นอกจากนี้ ความสำเร็จของค่ายรถโดยเฉพาะในไทย ยังมีอีกหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องซึ่งผู้ซื้อใช้ในการพิจารณา โดยนอกจากเรื่องความรู้สึกดีในการขับขี่ซึ่งอาจมาจากฟีเจอร์ประกอบต่างๆที่ให้มาในรถแล้ว ยังรวมไปถึงราคาจำหน่ายในตลาดมือสอง หรือความพร้อมของการให้บริการหลังการขาย การเข้าถึงความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเรื่องการหาอะไหล่ง่าย การใช้เวลาไม่นานในการซ่อมบำรุง การมีรถสำรองให้ใช้ระหว่างซ่อม เป็นต้นด้วย ซึ่งในระยะยาวข้างหน้า ค่ายรถที่สามารถตอบโจทย์ในเรื่องเหล่านี้ได้ดี ก็จะมีโอกาสได้ส่วนแบ่งตลาดเยอะกว่าค่ายอื่น