คปภ. เรียกหารือแก้ปัญหาเบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าแพง
การประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาเบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าแพงเป็นมาตรการระยะสั้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่
ในยุคปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle (EV) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นในวงการยานยนต์โลก และวงการยานยนต์ไทย ด้วยประชาชนได้เล็งเห็นถึงประโยชน์และความสำคัญในการลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้ประชาชนใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้า สร้างการเปลี่ยนแปลงทางความคิดอย่างมากจากผู้ใช้รถยนต์ในประเทศไทย ทำให้เกิดกระแสความนิยมรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
เปลี่ยนระบบขับเคลื่อนรถยนต์เก่าให้เป็น ‘รถอีวี’ ต้องเปลี่ยนอะไรบ้าง
พาณิชย์หวังมาตรการสนับหนุน EV หนุนไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
ล่าสุด สำนักงาน คปภ. ได้เชิญบริษัทประกันภัยที่มีการรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (EV) หลายบริษัท และผู้แทนจากคณะกรรมการประกันภัยยานยนต์ สมาคมประกันวินาศภัยไทยหลายครั้ง เพื่อหารือข้อสรุปเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องเบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า
ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า คปภ. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย พัฒนา ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนด้านการประกันภัย ได้เชิญบริษัทประกันภัยที่มีการรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (EV) หลายบริษัท และผู้แทนจากคณะกรรมการประกันภัยยานยนต์ สมาคมประกันวินาศภัยไทย หารือข้อสรุปเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องเบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าที่มีเบี้ยประกันภัยแพงกว่าเบี้ยประกันภัยของรถยนต์ทั่วไปอย่างมาก โดยการหารือแบ่งออกเป็น 3 ประเด็นหลัก ได้แก่
1.สถานการณ์โดยทั่วไป
ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย มีตัวเลขการจดทะเบียนอยู่ที่ราว 2 หมื่นคัน แบ่งเป็น รถยนต์นั่ง 7,500 คัน และ รถจักรยานยนต์ 12,500 คัน ซึ่งบริษัทกำหนดเบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติเอเชียสูงกว่ารถยนต์สันดาปภายในประมาณ 5-10%, สูงกว่ารถยุโรปประมาณ 10-15% และ รถอเมริกาสูงกว่า 20-25% ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละบริษัทที่รับประกันภัยรถยนต์กลุ่มนี้
2.ปัญหาและอุปสรรคของการรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า
ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้ามีจำนวนค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาปภายใน ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 800:1 ลักษณะการซ่อมไม่ว่าจะเสียหายมากหรือน้อย จะเป็นลักษณะของการเปลี่ยนยกชุดอุปกรณ์แทนการซ่อม ซึ่งจะทำให้มีราคาต้นทุนค่อนข้างสูงมาก ตัวอย่างเช่น รถยนต์ยี่ห้อ ORA ราคาทุนประกันภัยประมาณ 8 แสนบาทส่วนของแบตเตอรี่ที่เสียหายต้องมีการเปลี่ยน ต้นทุนในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ยกชุดประมาณ 5 แสนบาท สำหรับความถี่ในการเกิดเหตุนั้นใกล้เคียงกับรถสันดาป แต่ต้นทุนในการเกิดเหตุสูงกว่ารถสันดาปค่อนข้างมาก ส่งผลให้ Loss Ratio เฉลี่ยของรถยนต์ไฟฟ้าสูงกว่ารถสันดาปภายในค่อนข้างมาก ซึ่งข้อมูลจากการรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าของต่างประเทศซึ่งมีประสบการณ์ในการรับประกันภัยมาก่อนพบว่ามี Loss Ratio สูงมากกว่ารถสันดาปถึง 30-40%
3.การแก้ไขปัญหาเบี้ยประกันภัยระยะสั้นและเร่งด่วน
ที่ประชุมเห็นตรงกันในการแก้ไขปัญหาเบี้ยประกันภัยระยะสั้นและเร่งด่วนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้เอาประกันภัย ดังนี้
- จัดทำเอกสารแนบท้าย กำหนดทางเลือกเฉพาะกรณีแบตเตอรี่ได้รับความเสียหายและต้องมีการเปลี่ยนแบบยกชุดเท่านั้น (กรณีใช้วิธีการซ่อม บริษัทรับผิดชอบทั้งหมด) โดยให้มีทางเลือก 3 กรณี ให้ผู้เอาประกันภัยเลือกข้อใดข้อหนึ่ง และบริษัทจะให้ส่วนลดเบี้ยประกันภัย 10-25% (ตามประสบการณ์ของแต่ละบริษัท) ดังนี้
- กรณีที่ 1 จำกัดจำนวนเงินความคุ้มครองของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า โดยบริษัทจะให้ความคุ้มครองไม่ต่ำไปกว่า 50% ของมูลค่าแบตเตอรี่
- กรณีที่ 2 กำหนดความรับผิดส่วนแรก โดยจะระบุไม่เกิน 15% ของมูลค่าแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า หรือ
- กรณีที่ 3 Copayment กำหนดให้ผู้เอาประกันภัยต้องร่วมรับผิดชอบความเสียหายร่วมไม่เกิน 15%
- ที่ประชุมได้ตกลงร่วมกันว่าในช่วงนี้บริษัทประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า จะไม่มีการขึ้นเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมโดยบริษัทจะคงราคานี้ไว้ไปก่อน แม้ว่า Loss Ratio ของกลุ่มนี้จะสูงกว่ารถสันดาปค่อนข้างมาก
- สิ่งที่จะดำเนินควบคู่กันไปเป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนคือจะดำเนินการเก็บรวบรวมสถิติในการรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า และศึกษารูปแบบการประกันภัยเพื่อจัดทำพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้ความคุ้มครองและอัตราเบี้ยประกันภัยสอดคล้องกับความเสี่ยงและต้นทุนในการรับประกันภัย ซึ่งเป็นความเสี่ยงภัยใหม่ที่บริษัทประกันภัยในประเทศไทยยังไม่มีประสบการณ์เพียงพอ โดยกำหนดแผนดำเนินการในปี 2566
ดร. สุทธิพล กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้สายกำกับผลิตภัณฑ์ประกันภัยเร่งพิจารณาร่างเอกสารแนบท้ายกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า ร่วมกับสายกฎหมายและคดีเพื่อเสนอต่อนายทะเบียนพิจารณาให้ความเห็นชอบตามกระบวนการและขั้นตอนต่อไป
“การประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาเบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าแพง เป็นมาตรการระยะสั้นและเร่งด่วนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้เอาประกันภัย เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่และมีประเด็นแตกต่างจากกรณีประกันภัยรถยนต์ทั่วไป ในอนาคตจำเป็นจะต้องมีกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ซึ่งจำเป็นต้องจัดทำพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้ความคุ้มครองและอัตราเบี้ยประกันภัยสอดคล้องกับความเสี่ยงและต้นทุนในการรับประกันภัยอันจะเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนได้”