มาสด้า ยังเผชิญปัญหาชิปขาดแคลน กระทบยอดขายปี'65 ต่ำเป้า
มาสด้า ปรับรูปแบบการจำหน่ายรถยนต์ภายหลังสถานการณ์การขาดแคลนชิ้นส่วน (ชิป) ยังคงส่งผลกระทบต่อการผลิตและจำหน่ายของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทปรับรูปแบบการจำหน่ายรถยนต์ภายหลังสถานการณ์การขาดแคลนชิ้นส่วน (ชิป) ยังคงส่งผลกระทบต่อการผลิตและจำหน่ายของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำระบบปฏิบัติการ Mazda Sky Journey ซึ่งเป็นระบบเพิ่มประสิทธิภาพการจำหน่ายของมาสด้าที่พัฒนาขึ้นเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลผ่านออนไลน์
มาสด้า กางแผนธุรกิจปี'65 ตั้งเป้าโต 15% พร้อมลุยตลาดรถยนต์มือสอง
ชมพิพิธภัณฑ์มาสด้า บอกเล่าประวัติศาสตร์ 100 ปีตั้งแต่ยุคเริ่มแรก
พรุ่งนี้น้ำมันลง "โออาร์" ลดราคาเบนซิน 30-50 สต. ต้อนรับวันที่ 11 เดือน 11
"ระบบดังกล่าวเป็นระบบ Digital Transformation ที่เชื่อมโยงข้อมูลของทุกฝ่ายตั้งแต่ผู้แทนจำหน่าย, ไฟแนนซ์ เพื่อให้สามารถส่ง Supply ที่จำกัดจับคู่กับลูกค้ามุ่งหวังเพื่อที่จะสามารถเปลี่ยนยอดจองเป็นยอดขายได้จริง"
ทั้งนี้ ปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนยังคงส่งผลกระทบต่อ มาสด้า จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงเดือน ต.ค. เป็นต้นไป จึงทำให้ไม่สามารถส่งมอบรถใหม่ให้กับลูกค้าได้ทันกับยอดจองที่เพิ่มขึ้น และทำให้ยอดขายลดลงกว่าที่วางเป้าหมายไว้ในช่วงต้นปีจากเดิมที่ตั้งเป้าไว้อยู่ที่ 4 หมื่นคัน ลดลงเหลือ 3.5 หมื่นคัน ใกล้เคียงกับยอดขายเมื่อปี 2564 ซึ่งคาดว่าภายในเดือน มกราคม การผลิตจะกลับมาอยู่ในภาวะปกติและสามารถส่งมอบให้กับลูกค้าได้มากขึ้น
สำหรับ แนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศไทยในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ คาดการณ์ว่าจะขยายตัวดีขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาและจากสามไตรมาสก่อน ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงนโยบายจากภาครัฐที่มีส่วนช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและการเติบโตของธุรกิจ ที่ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มกลับมาดีขึ้น แต่ทั้งนี้แล้ว ยังคงต้องจับตามองเรื่องการขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์ที่สะสมมาตั้งแต่ช่วงก่อนหน้า ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ยังคงไม่คลี่คลายได้มากเท่ากับที่ประเมินไว้ในช่วงต้นปี และยังมีความไม่แน่นอนสูง รวมถึงปัจจัยสำคัญจากนโยบาย Zero-Covid ของประเทศจีน และปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังคงยืดเยื้อ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมรถยนต์โดยรวม แต่ยังเชื่อว่า ตลาดรถยนต์ไทยจะเติบโตกว่าปีที่ผ่านมาประมาณ 15% หรืออยู่ที่ประมาณ 870,000 คัน
นายธีร์ กล่าวว่า มาสด้ามองว่าในปี 2566 ปัจจัยลบด้านต่างๆ ที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมรถยนต์มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์ที่เชื่อว่าจะคลี่คลายลงในไม่ช้านี้ และการผลิตรถยนต์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ รวมถึงนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวของหลายๆ ประเทศ ก็เป็นปัจจัยสำคัญทำให้เกิดเป็นเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น ความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น ความต้องการรถยนต์ใหม่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็ยังคงมีปัจจัยลบที่ต้องจับตามอง อาทิ ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น การแข่งขันที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น รวมถึงนโยบายดอกเบี้ยจากภาครัฐ อาจส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์ของลูกค้า ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ล้วนส่งผลต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งสิ้น
นอกจากนี้ ไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 มาสด้า เปิดตัวรถยนต์รุ่นพิเศษ Carbon Edition 4 รุ่น ได้แก่ มาสด้า2, มาสด้า3, มาสด้า CX-3 และ มาสด้า CX-30 ที่มาพร้อมแนวคิด “Unique You” โดยนำคอนเซ็ปต์สไตล์คาร์บอนมาเสริมภาพลักษณ์ความสปอร์ต อาทิ การตกแต่งพิเศษด้วยกระจกมองข้างสีดำ และล้ออัลลอยสีดำ ขนาด 18 นิ้ว ส่วนภายในห้องโดยสารมาพร้อมความพิเศษกับเบาะนั่งสีแดง Burgundy ตกแต่งภายในด้วยหนังสีดำเดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดง โดยมีราคาปรับราคาเพิ่มขึ้น 1-1.5 หมื่นบาท
อย่างไรก็ตาม Carbon Edition ไม่มีปัญหาเรื่องการขาดแคลนชิ้นส่วน เนื่องจากเป็นรุ่นที่วางแผนการผลิตไว้ล่วงหน้า ดังนั้นจึงได้ให้พนักงานขายแนะนำลูกค้าที่ต้องการใช้รถเร็วหันมาซื้อรถยนต์รุ่นพิเศษดังกล่าว