บีเอ็มดับเบิลยู กวาดส่วนแบ่งตลาด 46% ครองแชมป์รถพรีเมียม 3 ปีซ้อน
บีเอ็มดับเบิลยู เผยผลประกอบการปี 2565 มียอดขายรวมอยู่ที่ 1.5 หมื่นคัน เติบโต 36.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
นาย อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์รวมปี 2565 ของบริษัทมียอดขายอยู่ที่ 15,010 คัน เติบโตขึ้น 36.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดย บีเอ็มดับเบิลยู มียอดขายอยู่ที่ 13,572 คัน และ มินิ มียอดขายอยู่ที่ 1,438 คัน
ยอดขายของปี 2565 ส่งผลให้ บีเอ็มดับเบิลยู และ มินิ ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดรถยนต์ระดับพรีเมียมในประเทศไทยเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่องกัน โดยรถยนต์ทั้งสองแบรนด์มีส่วนแบ่งทางการตลาดรวมเป็น 46.6% ของตลาดรถยนต์พรีเมียม
"BMW" เปิดตัวรถยนต์เปลี่ยนสีได้ 32 สี
เกรท วอลล์ มอเตอร์ ปิดยอดขายปี'65 ทะลุ 1.1 หมื่นคัน เติบโต 214%
ทั้งนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้า สะท้อนได้จากส่วนแบ่งทางการตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ระดับพรีเมียมที่อยู่ที่ 40.8% ด้วยยอดจดทะเบียน 535 คัน เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่าจากปีก่อนหน้า จาก 5 รุ่นที่เปิดตัวในตลาดประเทศไทย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู iX3, บีเอ็มดับเบิลยู iX, บีเอ็มดับเบิลยู i4, บีเอ็มดับเบิลยู i7 และมินิ คูเปอร์ เอสอี
นอกจากนั้น บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด มียอดจดทะเบียนอยู่ที่ 1,293 คัน เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อนหน้า โดยในตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ (บิ๊กไบค์) กลุ่มเครื่องยนต์ขนาด 500 ซีซี. ขึ้นไป บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10.3%
สำหรับ ยอดขายของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ยังคงเติบโตและครองตำแหน่งอันดับ 1 ในกลุ่มรถยนต์พรีเมียมระดับโลก โดยได้ส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และโรลส์รอยซ์รวม 2,399,636 คันให้กับลูกค้าทั่วโลก
ในขณะที่ บีเอ็มดับเบิลยู มียอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% เติบโตขึ้นเท่าตัวจากปี 2564 ด้วยยอดส่งมอบรวม 215,755 คันจาก บีเอ็มดับเบิลยู และ มินิ สูงขึ้นถึง 107.7% และเมื่อรวมรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด มียอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าสูงถึง 372,956 คันตลอดทั้งปี เพิ่มขึ้น 35.6% จากปีก่อนหน้า สะท้อนความต้องการรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก
ส่วน บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ทำสถิติยอดขายสูงสุดครั้งประวัติศาสตร์ของบริษัท ด้วยยอดส่งมอบมอเตอร์ไซค์และสกู๊ตเตอร์รวม 202,895 คันทั่วโลก