“เทสลา” ปรับขึ้นราคารถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก จีนเพิ่มเยอะสุด
“เทสลา” ปรับขึ้นราคารถยนต์ไฟฟ้าในหลายประเทศทั่วโลก โดยจีนปรับขึ้นมากสุดที่ หลังหั่นราคากระตุ้นยอดขายหลายรอบก่อนหน้านี้
เทสลา (Tasla) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ปรับขึ้นราคารถยนต์ไฟฟ้า รุ่น “โมเดล วาย” และ “โมเดล 3” ที่วางจำหน่ายในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก รวมถึง สหรัฐฯ และจีน
โดยราคาของรถเอสยูวี รุ่น “โมเดล วาย” และรถซีดาน รุ่น “โมเดล 3” ที่วางจำหน่ายในจีน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของเทสลาเพิ่มขึ้นรุ่นละ 2,000 หยวน หรือเกือบ 10,000 บาท
ส่งผลทำให้รุ่นเริ่มต้นของ “โมเดล วาย” และ “โมเดล 3” อยู่ที่กว่า 1,290,000 บาท และกว่า 1,135,000 บาท ตามลำดับ
นอกจากนี้ เทสลา ยังปรับขึ้นราคารถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 2 รุ่นในตลาดสหรัฐฯ ขึ้น 250 ดอลลาร์หรือ 8,500 บาท ทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ เริ่มต้นที่ 1,596,000 บาทและ 1,360,000 บาท ตามลำดับ ขณะที่ราคารถยนต์ในแคนาดา ถูกปรับขึ้น 222 ดอลลาร์ หรือกว่า 7,500 บาท และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 269 ดอลลาร์หรือกว่า 9,000 บาท
สำหรับความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการปรับขึ้นราคารถยนต์ไฟฟ้าครั้งที่ 2 ภายในระยะเวลาอันสั้น หลังจากที่เมื่อปลายเดือนก่อน เทสลา ปรับขึ้นราคารถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ รุ่น “โมเดล เอส” และ “โมเดล เอ็กซ์” ขึ้นอีก 2,500 ดอลลาร์ หรือกว่า 84,500 บาท แต่รถทั้ง 2 รุ่น คิดเป็นสัดส่วน 2.5% ของยอดขายทั้งหมดในช่วงไตรมาสแรก
ทั้งนี้การปรับขึ้นราคาของเทสลา ยังเป็นการพลิกกลับกลยุทธ์ด้านการกำหนดราคาของบริษัท จากเดิมที่เดินหน้าลดราคารถยนต์ไฟฟ้า เพื่อเพิ่มอุปสงค์และกระตุ้นยอดยอดขาย ท่ามกลางการแข่งขันจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายอื่นที่พุ่งสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้การปรับลดราคารถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกจะช่วยเพิ่มยอดขายของเทสลา แต่ทำให้รายได้สุทธิและอัตรากำไรของบริษัทลงตามไปด้วย โดยในช่วงไตรมาสแรกปี 66 พบว่า บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 23,329 ล้านดอลลาร์ หรือราว 7.88 แสนล้านบาท แต่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 19.3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สิ้นปี 2020