เทสลารายงานรายได้ไตรมาส 2 สูงทุบสถิติ แต่กำไรลดลง
“เทสลา” รายงานรายได้ไตรมาส 2 สูงเป็นสถิติ แต่พบว่ากำไรขั้นต้นลดลงจากการใช้กลยุทธ์ปรับลดราคาเพื่อเพิ่มยอดขาย
รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ของเทสลาที่เปิดเผยออกมาเมื่อวานนี้ (19 ก.ค.) ระบุว่าบริษัทมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 8.5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ประจำไตรมาสสูงที่สุดเป็นสถิติใหม่และเพิ่มขึ้นเกือบ 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.7 พันล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เทสลาสร้าง “Cybertruck” คันแรก หลังจากล่าช้าไปถึง 2 ปี
เทสลาและแบรนด์ในจีนร่วมลงนาม ยุติสงครามหั่นราคารถยนต์ไฟฟ้า
เทสลาส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังหั่นราคา
อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 2 กลับลดลงมาอยู่ที่ 18.2 เปอร์เซนต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 25 เปอร์เซนต์ และเป็นการลดลงเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน จากไตรมาส 1 ซึ่งตัวเลขในส่วนนี้อยู่ที่ 19.3 เปอร์เซนต์
ปัจจัยที่ทำให้กำไรขั้นต้นลดลงเป็นพราะการลดราคาคารถยนต์เทสลา 4 รุ่นหลายครั้งในตลาดขนาดใหญ่ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป จีน และ เม็กซิโก เพื่อเพิ่มยอดขาย ซึ่งช่วยให้บริษัทขายรถยนต์ได้ 466,61 คันในไตรมาส 2 สูงสุดเป็นสถิติใหม่เช่นกัน
ยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นยังทำให้รายได้ในส่วนอื่นๆเพิ่มขึ้นเช่นกันทั้งบริการหลังการขาย,การขายประกัน และ เครือข่ายสถานชาร์จไฟฟ้า ซึ่งเพิ่มขึ้น33 เปอร์เซนต์ใน ไตรมาสที่ 2
นอกจากนี้ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เทสลาได้เปิดให้รถยนต์จากค่ายอื่นๆ ทั้งฟอร์ด เจเนอรัล มอเตอส์ และ นิสสัน ใช้งานเครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าของบริษัทด้วย
ขณะที่ อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเทสลา ระบุว่าบริษัทยังคงตั้งเป้าการขายรถยนต์ทั้งปี 2023 นี้ไว้ที่ 1.8 ล้านคัน แต่คาดว่าในไตรมาสที่ 3 นี้ยอดส่งมอบจะลดลงเล็กน้อย เนื่องจากในช่วงฤดูร้อนนี้ โรงงานหลายแห่งต้องปิดปรับปรุงระบบการทำงาน