กัญชากับสมองเด็ก อันตรายจากการได้รับสารโดยไม่ตั้งใจ
กัญชาส่งผลต่อสมองเด็กจากการรับสารกัญาชาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ สถาบันประสาทวิทยาได้เสนอข้อเสนอแนะในการควบคุม
ในอนาคตอันใกล้ประเทศไทยกำลังจะเปิดกัญชาเสรี ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของกัญชาสามารถจำหน่ายได้อย่างแพร่หลายในท้องตลาด จากเดิมที่มีเฉพาะสารสกัดกัญชาที่ใช้ในทางการแพทย์ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาเหล่านี้จะเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้นในทุกช่วงอายุ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กที่จะมีการบริโภคสารสกัดกัญชาได้มากขึ้น ทั้งจากการได้รับโดยไม่ตั้งใจจากผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ผสมกัญชาที่ใช้กันในครอบครัว และการใช้เพื่อนันทนาการในกลุ่มวัยรุ่น
รู้จักสาร THC และ CBD ในกัญชา ออกฤทธิ์เหมือนหรือต่างกันอย่างไร
รู้ทันกัญชา! เช็กอาการแพ้กัญชา เมากัญชา เป็นอย่างไร พร้อมแนะวิธีแก้อาการแพ้กัญชา
จากตัวอย่างในประเทศที่เปิดกัญชาเสรี เช่น ในประเทศสหรัฐอเมริกา ปีพ.ศ.2561 พบว่าเด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า 12 ปี ได้รับกัญชาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ร้อยละ 38 ผ่านทางการกินขนม เช่น คุ้กกี้ ลูกกวาด ผ่านทางการสูดควันบุหรี่ที่ผสมกัญชา และ ผ่านทางผิวหนังจากน้ำมันกัญชา มีผลทำให้เด็กเกิดอาการทางระบบประสาทร้อยละ 71 และ ต้องเข้ารักษาในหอผู้ป่วยหนักร้อยละ 18 ล่าสุดปี พ.ศ.2565 ในประเทศแคนาดาพบปัญหาเด็กอายุน้อยกว่า 9 ปีได้รับกัญชาโดยไม่ตั้งใจและต้องเข้าห้องฉุกเฉิน มีแนวโน้มจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงที่มีผลิตภัณฑ์กัญชาที่กินได้ขายอย่างแพร่หลาย ในช่วงปี พ.ศ.2563-2564
จึงมีข้อเสนอแนะให้ปรับปรุงลักษณะผลิตภัณฑ์กัญชาที่กินได้ให้ชัดเจนเพื่อป้องกันเด็กได้รับสารกัญชาจากขนมโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ สำหรับกลุ่มวัยรุ่น ในสหรัฐอเมริกาศึกษาในช่วงปีพ.ศ. 2548 ถึง 2561 พบว่า หลังจากเปิดกัญชาเสรีสัดส่วนการใช้กัญชาในกลุ่มวัยรุ่นเพิ่มมากขึ้นกว่าช่วงอายุอื่นๆ โดยในปี พ.ศ.2560 พบร้อยละ 6.5 ของวัยรุ่นอายุ12-18 ปี (กว่า 1.6 ล้านคน) เคยใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของกัญชามาอย่างน้อยหนึ่งครั้ง วัยรุ่นที่มีการใช้สารกัญชาต่อเนื่องทุกวัน (chronic daily use ) เพิ่มมากขึ้นจากปีค.ศ.2557 ถึง 2561 จากร้อยละ 5.9 เป็นร้อยละ 13.2 โดยสัดส่วนในกลุ่มผู้ที่อยู่นอกมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้นและอายุที่เริ่มต้นใช้สารสกัดกัญชาอายุน้อยลง
สภาเภสัชฯย้ำกัญชามีประโยชน์ แต่ต้องใช้ให้เหมาะสม-ถูกช่วงวัย
เปิดสายด่วน “ปรึกษากัญ 1667” ให้คำปรึกษาใช้กัญชาอย่างปลอดภัย
ฤทธิ์ของกัญชาต่อสมอง
ในพืชกัญชามีสารแคนนาบินอยด์ (Cannabinoids) หลายชนิด แบ่งเป็น สารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท (Psychoactive) ที่สำคัญ ได้แก่ THC (Delta-9-/delta-8 tetrahydrocannabinol) และสารไม่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท (Non-psychoactive) ที่สำคัญ ได้แก่ Cannabidiols (CBD) ซึ่งในทางการแพทย์มีการใช้ Cannabidiols (CBD) รักษาโรคลมชัก ชนิดดื้อยาในเด็กอย่างมีประสิทธิผลและมีหลักฐานเชิงประจักษ์ และในประเทศไทยได้เริ่มมีการใช้ยาสกัดกัญชาชนิดซีบีดีสูงในการรักษาโรคลมชักดื้อยากันชักในเด็กแล้ว ซึ่งอยู่ในความดูแลรักษาโดยกุมารแพทย์ประสาทวิทยาอย่างใกล้ชิด สำหรับสาร THC มีการนำมาใช้ในทางการแพทย์เช่นกัน เช่น ในการรักษาประคับประคองของมะเร็งระยะสุดท้าย เป็นต้น ซึ่งมีแพทย์ที่รักษาโรคนั้นๆ เป็นผู้ติดตามผลข้างเคียงอย่างใกล้ชิด
แต่หากมีการนำสารแคนนาบินอยด์ที่มีการออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทมาใช้ในส่วนผสมของอาหารหรือการแปรรูปต่างๆ โดยที่เด็กมีโอกาสได้รับสารเหล่านั้นเข้าไปโดยไม่ตั้งใจ อาจจะมีผลข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาทตามมาได้ ระยะเวลาการออกฤทธิ์ของสารแคนนาบินอยด์เข้าสู่กระแสเลือด มีความเร็วในการออกฤทธิ์ต่างกัน ขึ้นอยู่กับวิธีการได้รับกัญชาดังตารางที่ 1
ตารางที่ 1: ตารางแสดงการออกฤทธิ์ของสารแคนนาบินอยด์โดยวิธีการต่างๆ
ที่มา: คำแนะนำการดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีการใช้กัญชาในประเทศไทย
ดังที่กล่าวข้างต้นกัญชาและผลิตภัณฑ์กัญชา สามารถแปรรูปได้ทั้งอาหาร, เครื่องดื่ม, ขนม ดังนั้นโอกาสที่เด็กและเยาวชนจะมีโอกาสได้รับสารนี้หลังจากที่เปิดเสรีกัญชาจึงมีสูง การเตรียมความรู้เรื่องของอาการเป็นพิษทางระบบประสาทและการแก้ไขจึงเป็นเรื่องที่มีความจำเป็น
ภาวะเป็นพิษต่อระบบประสาทเฉียบพลันและการรักษาเด็กที่ได้รับสารแคนนาบินอยด์ (Acute neurotoxicity and management in Cannabinoid toxicity in children)
จากการศึกษา Noble MJ, et al และ Wong KU et al พบว่าในเด็กที่ได้รับสารแคนนาบินอยด์มักเกิดจากความไม่ตั้งใจโดยการกินมากที่สุด และการศึกษาของ Noble MJ, et al พบว่าร้อยละ 45 เป็นเด็กอายุน้อยกว่า 18 ปี (ร้อยละ 28 อายุน้อยกว่า 12 ปี) โดยพบว่าเด็กได้รับสารแคนนาบินอยด์โดยการกินอย่างไม่ตั้งใจมากที่สุดร้อยละ 98 ในขณะที่วัยรุ่นได้รับสารสารแคนนาบินอยด์โดยกินร้อยละ 50 และวิธีสูดดมสารระเหยร้อยละ 45 ซึ่งมากกว่าผู้ใหญ่ อาหารหรือผลิตภัณฑ์ที่กินเข้าไปมักเป็นของสมาชิกในบ้านโดยเฉพาะในเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี ได้รับสารสารแคนนาบินอยด์จากคนในบ้านสูงถึงร้อยละ 90 ซึ่งพบว่าในเด็กกลุ่มนี้มีอาการและอาการแสดงทางระบบประสาทมีทั้งกดระบบประสาท (CNS depression) และกระตุ้นประสาท (CNS excitation) โดยเฉพาะในเด็กเล็กมักแสดงอาการกดระบบประสาทมากกว่า พบว่าอาการแสดงทางระบบประสาทร้อยละ 70 และ ร้อยละ 86 ในกลุ่มอายุเด็กน้อยกว่า 12 ปีและ 12 – 18 ปี ตามลำดับ
อาการและอาการแสดงด้านระบบประสาท
- อาการทางกดระบบประสาท ได้แก่ ซึมลง หมดสติ โคมา เป็นลม หกล้ม สับสน พูดผิดปกติ อ่อนแรง เดินเซ การประสานงานผิดปกติ เป็นต้น
- อาการทางกระตุ้นระบบประสาท ได้แก่ วิตกกังวล หวาดระแวง panic attack อาการหลอน มองเห็นผิดปกติ ไม่อยู่สุข ก้าวร้าว จิตวิปลาส อาการชัก สั่น หรือกระตุกแบบสะดุ้ง เป็นต้น
- อาการทางระบบประสาทอื่นๆ ที่พบ เช่น อารมณ์หงุดหงิด อารมณ์ดีเกินไป ความรู้สึกผิดปกติ รู้สึกชา เจ็บเหมือนเข็มตำ ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ บ้านหมุน เป็นต้น
การรักษา
ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาที่จำเพาะเจาะจง รักษาตามอาการขึ้นกับอาการที่นำมาโรงพยาบาล ข้อแนะนำเบื้องต้นสำหรับการรักษา ดังนี้
- เมื่อเข้ารับการรักษาพยาบาลให้อยู่ในที่ที่เงียบสงบและปลอดภัย
- ให้การตรวจการทำงานของระดับน้ำตาลในเลือด ตรวจหาสารพิษในปัสสาวะ
- ประเมินชีพจร ตรวจดูระบบหัวใจและทรวงอก การหายใจ รวมทั้งการทำงานของสมอง
- มองหาและเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดจากการได้สารแคนนาบินอยด์ เช่น หากมีอาการชักให้การรักษาโดยการให้ยาเพื่อควบคุมอาการชักและต้องหยุดการได้สารแคนนาบินอยด์ เป็นต้น
ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาต่างๆตามมา การแนะนำและให้ความรู้ประชาชนให้เกิดการตระหนักถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
ผลกระทบของการใช้กัญชาที่มีสารแคนนาบินอยด์ที่มีฤทธิ์ต่อจิตประสาทในระยะเวลายาว (chronic user) ในช่วงพัฒนาการของสมองเด็กหรือเยาวชน ซึ่งอยู่ในช่วงก่อนอายุ 20 ปี พบว่า
1. ผลกระทบต่อการทำงานของสมองขั้นสูง ในหลายด้าน เช่น ความจำที่แย่ลง การตัดสินใจและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ไม่เหมาะสม สมาธิแย่ลง ปัญหาการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทำให้เกิดปัญหาด้านการเรียน และ พฤติกรรมที่รุนแรง สัมพันธ์กับ ความถี่ ขนาดของสาร และ อายุที่เริ่มใช้สารกัญชา นอกจากนี้พบว่าเมื่อหยุดการใช้สารกัญชา การทำงานของสมองชั้นสูงจะค่อยๆดีขึ้นได้ แต่จะยังพบปัญหาเรื่องสมาธิ และ พฤติกรรมต่างๆในระยะยาว 8
2. ผลต่อด้านอารมณ์และสภาวะจิตใจ พบว่าในกลุ่มวัยรุ่นที่ใช้สารกัญชาบ่อยกว่าหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ เริ่มใช้สารกัญชาเมื่ออายุน้อยกว่า 15 ปี โดยเฉพาะชนิด high potency (THC >10%) มีโอกาสเกิดโรคจิตเภทในวัยผู้ใหญ่ตอนต้น มากกว่าวัยรุ่นปกติ 5-6 เท่า นอกจากนี้วัยรุ่นที่ใช้กัญชาบ่อย จะมีโอกาสติดสารเสพติดชนิดอื่นๆ ได้เพิ่มขึ้นในวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ด้วย9
นโยบายในประเทศต่างๆเกี่ยวกับเด็กเรื่องกัญชา
ในหลายประเทศโดยเฉพาะในทวีปอเมริกา ได้เปิดเสรีในการใช้กัญชาเพื่อนันทนาการและอื่น ๆ นอกจากทางการแพทย์ มีการนำกัญชามาเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์หลายชนิดที่ซื้อได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาต เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ขนมเบเกอรี่ และเครื่องสำอาง เป็นต้น แม้จะมีการกำหนดปริมาณกัญชาสูงสุดที่สามารถใช้ได้ในผลิตภัณฑ์เหล่านี้หลังการเปิดเสรีไม่นานพบว่าเริ่มมีรายงานเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นในเด็กจากการใช้กัญชาเพิ่มมากขึ้นในสหรัฐอเมริกา แคนาดาและบางประเทศ จึงเริ่มมีนโยบายควบคุมการใช้กัญชาในเด็ก โดยเฉพาะการใช้เพื่อนันทนาการและความบันเทิงโดยให้ใช้เฉพาะผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไปมีบางรัฐที่อนุญาตอายุตั้งแต่ 18 หรือ 19 ปีขึ้นไปสามารถใช้ได้
รวมทั้งมีการกำหนดควบคุมปริมาณการใช้แต่ละครั้งรวมถึงวิธีการใช้กัญชา เช่น แบบสูดดม แบบกิน แบบระเหย เป็นต้นการควบคุมการผลิต การจำหน่ายและการซื้อในเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีข้อห้ามใช้กัญชาในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปีในบางประเทศ รวมถึงการให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไปและผู้ปกครองในการป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิดในเด็กด้วย แต่อย่างไรก็ตาม พบว่านโยบายในแต่ละประเทศยังมีความแตกต่างกัน และแตกต่างกันในแต่ละเมือง ขึ้นกับบริบทของประเทศเหล่านั้น ยกตัวอย่างในทวีปยุโรปบางประเทศและทวีปเอเชียส่วนใหญ่ ยังถือว่าสารสกัดกัญชาเป็นสารเสพติด ผิดกฎหมายเป็นอันตรายมีการควบคุมการผลิต การกระจายและระบุการใช้เฉพาะทางการแพทย์ โดยมีกฎหมายและองค์กรของแต่ละประเทศที่ควบคุมกำกับด้านกัญชาที่แตกต่างกัน
สธ.ย้ำผู้ประกอบการแสดงรายการอาหารที่มี "กัญชา" แนะใช้ 1-2 ใบสดต่อเมนู
เรื่องต้องรู้! เตือน นำกัญชาผสมอาหารกิน หากควบคุมไม่ดีส่งผลถึงชีวิต
ข้อเสนอแนะ
•กัญชามีสาร THC ที่มีผลต่อสมองเด็กในระยะยาว เนื่องจากสมองเด็กจะพัฒนาเต็มที่หลังจากอายุ 20 ปี ดังนั้น เด็กที่อายุน้อยกว่า 20 ปีไม่ควรจะได้รับ THC นอกจากมีความจำเป็นด้านสุขภาพบางอย่าง เช่น โรคลมชักรักษายาก ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลรักษาของแพทย์ด้านระบบประสาทเด็ก อย่างใกล้ชิด
•ควรจะมีการประชาสัมพันธ์กับประชาชนเรื่องโทษของการใช้กัญชาระยะยาวกับสมองเด็ก เพื่อให้เกิดความตระหนักต่อการใช้กัญชาเพื่อนันทนาการ เพื่อเตือนเด็กวัยรุ่นที่อยากลอง หรือ ผู้ปกครองที่ใช้กัญชาและมีเด็กเล็กอยู่ด้วย ซึ่งอาจได้รับสาร THC จากควันบุหรี่ที่มีกัญชาผสมอยู่อย่างต่อเนื่อง
•ให้คำแนะนำกับผู้ปกครองเรื่องวิธีการป้องกันเด็กที่อาจจะได้รับกัญชาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์ ที่ต้องรีบส่งโรงพยาบาล
•ควรมีการควบคุมการผลิตและขายอาหารหรือผลิตภัณฑ์ที่มีกัญชาผสม และมีเครื่องหมายชัดเจนเพื่อป้องกันการใช้ในเด็ก เช่นเดียวกับการควบคุมเหล้า หรือ บุหรี่ การห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ การห้ามสูบหรี่ในรถที่มีเด็กอยู่ด้วย เป็นต้น
•ควรมีการติดตามผลกระทบของกัญชาต่อเด็กอย่างต่อเนื่องและจริงจังหลังจากเปิดกัญชาเสรี
ข้อมูลสุขภาพจาก สถาบันประสาทวิทยา สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ร่วมกับ สมาคมกุมารประสาทวิทยา (ประเทศไทย)