ปัสสาวะแสบขัด ปวด มีผื่นที่อวัยวะเพศ สัญญาณ "โรคหนองใน"
โรคหนองในเป็นโรคพบได้บ่อยมากที่สุดในโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช็กวิธีรักษาและการป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คือ โรคที่ติดเชื้อ และแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ทั้งจากการร่วมเพศทางช่องคลอด ทางปาก หรือทวารหนัก ปัญหาหลักของโรคเหล่านี้ คือ คนไข้มาทราบว่าตนเองมีความผิดปกติเมื่อเวลาผ่านไปนาน บางคนก็เพิกเฉยต่ออาการเหล่านั้น หรืออายที่จะเข้ารับการรักษากับแพทย์ ทำให้โรคนั้นรุนแรงลุกลามเกินกว่าที่จะแก้ไขได้ทันเวลา
โรคหนองใน คือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สามารถพบได้บ่อยมากเป็นอันดับแรกสุด คือ พบได้ประมาณ 40 - 50% ของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
สารพัด "โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์" ควรป้องกันและสังเกตอาการ
สหรัฐฯ กำลังพิจารณา “ฝีดาษลิง” อาจถูกจัดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โรคหนองใน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
- โรคหนองในแท้ หรือ โกโนเรีย (Gonorrhoea) เกิดจากการติดเชื้อ Neisseria gonorrhoeae ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่มีรูปร่างค่อนข้างกลมอยู่กันเป็นคู่หันด้านเว้าเข้าหากัน ดูคล้ายเมล็ดกาแฟหรือเมล็ดถั่ว ย้อมสีแกรมติดสีแดง เชื้อนี้จะทำให้เกิดโรคเฉพาะเยื่อเมือก Mucous Membrance เช่น เยื่อเมือกในท่อปัสสาวะ ช่องคลอด ปากมดลูก เยื่อบุมดลูก ท่อรังไข่ ทวารหนัก เยื่อบุตา คอ เป็นต้น โดยเชื้อนี้มีระยะฟักตัวเร็ว คือประมาณ 1-10 วัน ส่วน โรคหนองใน
- โรคหนองในเทียม (Non Gonococcal Urethritis) หรือ NSU เป็นการอักเสบของท่อปัสสาวะที่เกิดจากเชื้อโรคอื่น ๆ ที่ไม่ใช่หนองในแท้
ปัจจัยเสี่ยง
ชายมีเพศสัมพันธ์กับหญิงที่มีเชื้อหนองในจะติดเชื้อประมาณ 30 % ส่วนหญิงมีเพศสัมพันธ์กับชายที่มีเชื้อหนองใน จะมีโอกาสจะติดเชื้อประมาณ 80% ซึ่งโรคหนองในแพร่กระจายได้อย่างทันที เมื่อมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือทางปากโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย
ห่วงวัยรุ่น "พิษณุโลก" ติดเชื้อ HIV มากขึ้น จากกลุ่มผู้ป่วยเป็นเด็กมัธยม 60%
อาการ
อาการ โดยทั่วไป โรคหนองในจะแพร่เชื้อไว้ในท่อปัสสาวะในชาย และในท่อปัสสาวะและปากมดลูกในสตรี นอกจากนั้นมันอาจแพร่เชื้อในทวารหนักและในลำคอได้ด้วย ทั้งนี้ลักษณะอาการที่สามารถพบได้ คือ
- ผู้ชาย: อาการของโรคหนองในขึ้นอยู่กับบริเวณที่ติดเชื้อ ผู้ชายบางคนโดยเฉพาะคนที่เป็นโรคหนองที่ทวารหนัก และลำคอ จะไม่มีร่องรอยหรืออาการใดๆ เลย แต่ถ้ามีอาการเกิดขึ้นอาจรวมถึงมีของเหลวข้นสีเหลือง หรือขาวที่ไหลออกจากองคชาต เจ็บหรือลำบากในการถ่ายปัสสาวะ บริเวณรอบๆ รูองคชาตเป็นสีแดง มีของเหลวออกจากทวารหนัก และรู้สึกไม่สบายเนื้อตัว
- ผู้หญิง: ส่วนใหญ่ไม่มีร่องรอยหรืออาการใดๆ แต่ถ้ามีอาการเกิดขึ้น อาจรวมถึงมีของเหลวออกจากช่องคลอดมากผิดปกติ ประจำเดือนมาไม่ปกติ ถ่ายปัสสาวะลำบาก เจ็บอุ้งเชิงกรานโดยเฉพาะขณะมีเพศสัมพันธ์ มีของเหลวออกจากทวารหนัก และรู้สึกไม่สบายเนื้อตัว หากทิ้งไว้ไม่รับการรักษาโรคหนองในอาจแพร่สู่มดลูกและท่อทางเดินรังไข่ ทำให้เกิดโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ (พีไอดี) ซึ่งอาจนำไปสู่อาการแทรกซ้อนต่างๆ รวมทั้งการเป็นหมัน
ควรพบแพทย์เมื่อไร?
หากมีอาการปัสสาวะแสบขัด หรือมีอาการปวด หรือผื่นขึ้นที่บริเวณอวัยวะเพศ ควรหยุดการมีเพศสัมพันธ์ แล้วรีบปรึกษาแพทย์ ถ้าแพทย์ให้การวินิจฉัยว่าเป็นโรคหนองใน และหลังได้รับการรักษาแล้ว เพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำอีก ควรแจ้งให้คู่นอนมารับการรักษาด้วย และให้งดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าอาการจะหายดีแล้ว
คนไทยตรวจ HIV ฟรีปีละ 2 ครั้ง สงสัยว่าเสี่ยง "ตรวจเร็ว รู้ก่อน ก้าวต่อได้”
การรักษา
การรักษาโรคหนองใน คือ การใช้ยาปฏิชีวนะ ซึ่งใช้ได้ผลดี แต่ในหลายพื้นที่อาจมีเชื้อดื้อยาได้ ดังนั้นหลังการรักษาถ้ายังคงมีอาการจึงควรต้องกลับมาปรึกษาแพทย์อีกครั้ง สำหรับในผู้หญิงที่มีอาการหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ ร่วมกับมีไข้สูง ปวดท้องน้อย ขัดเบา ตกขาว อาจเป็นปีกมดลูกอักเสบเฉียบพลัน ควรส่งโรงพยาบาลภายใน 24 ชั่วโมง
นอกจากนั้น จำเป็นต้องตรวจหาการติดเชื้อที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ที่อาจพบร่วมด้วยโดยเฉพาะ เชื้อ เอชไอวี (HIV) หรือ โรคเอดส์
"เริม" ติดไม่ง่ายแต่ติดได้ รู้ชัดแยกความต่าง "อีสุกอีใส - ฝีดาษลิง"
การปฏิบัติ และ การป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
1. งดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะรักษาหายทั้งผู้ป่วยและคู่นอน ถ้าจำเป็นต้องใช้ถุงยางอนามัย
2. รับประทานยา หรือรับการรักษาจนครบตามแผนการรักษาของแพทย์
3. ดูแลความสะอาดร่างกาย และความสะอาดของเสื้อผ้า ชุดชั้นใน ไม่ใส่ซ้ำ ไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น
4. ดูแลความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ทุกครั้งหลังขับถ่ายโดยล้างจากด้านหน้าไปด้านหลัง แล้วซับให้แห้งด้วยผ้าหรือทิชชูที่สะอาด
5. มารับการตรวจรักษาตามแพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ
6. ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น ตกขาวมีกลิ่นเหม็น หรือมีหนองไหลจากอวัยวะสืบพันธุ์ ควรไปพบแพทย์ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง
7. หากคู่นอนมีอาการน่าสงสัย ควรแนะนำ พามาพบแพทย์ และใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์
ขอบคุณข้อมูลสุขภาพจาก โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน