“หมอธีระวัฒน์” ไขข้อสงสัยกินเหล้าสมองพัง วิตามินช่วยได้หรือไม่
เตือนดื่มสุราบ่อยจะขาดวิตามินบีหนึ่ง ส่งผลให้ผนังของเส้นเลือดในสมองรั่ว จนอาจเกิดอาการสมองเสื่อม ย้ำไม่ควรดื่มหัวราน้ำ กินวิตามิน B1- B12 เสริมทุกวัน
ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ให้ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊ก Thiravat Hemachudha คลายข้อสงสัยเรื่องการกินเหล้าสมองพัง วิตามินจะช่วยได้หรือไม่ว่า ประเทศไทยประสบปัญหาผู้คนดื่มเหล้าแอลกอฮอล์หนัก และมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่มีมาตรการกระบวนการมโหฬารในการตัดโฆษณา ประชาสัมพันธ์ รวมกระทั่งถึงบทลงโทษต่าง ๆ แม้แต่ถ่ายรูปลง โซเชียลก็มีความผิด
"วิตามิน" ตัวช่วยเสริมแกร่งร่างกาย กินเยอะไปอาจทำอันตรายต่อ "ตับ"
"วิตามินเสริม" จำเป็นต่อร่างกายแค่ไหน ทำไมใครๆ ก็กิน
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
แต่ดูเหมือนว่าปัญหากลับไม่ได้น้อยลง เห็นได้จากผู้ป่วยจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ และกระทบกับร่างกายทุกอวัยวะ ตับอักเสบเฉียบพลันจนตับวายเสียชีวิต หรือตับแข็ง ทำให้การกำจัดของเสียของร่างกายผิดบกพร่องไป และส่งผลทำให้เฉื่อยชา เชื่องช้า รวมถึงอาจทำให้ถึงกับไม่รู้สึกตัว และการที่ตับแข็งทำให้มีทางเดินของเลือดผ่านตับแปรปรวน เม็ดเลือดมีจำนวนลดลงผิดปกติ และมีการโป่งพองของเส้นเลือดในหลอดอาหารสุ่มเสี่ยงกับการแตก มีเลือดออกต้องรักษากันวุ่นวาย จนถึงเสียชีวิต
ประเด็นของการลดการติด การดื่มของคนที่ดื่มอยู่แล้ว แต่ดื่มจนติด และป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ คงจะต้องเริ่มพิจารณาแยกเป็นกลุ่มอายุ เพศ และสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ต้องดื่ม ต้องการดื่มอยู่ตลอด ซึ่งก็มีตัวกำหนดทางพันธุกรรมร่วมอยู่ด้วย การแก้ปัญหา ด้วยวิธีเหมารวมอย่างที่ทำในปัจจุบันอาจจะไม่ได้ผลทั้งหมด และต้องมีกลยุทธ์ให้ชัดเจนตรงประเด็นมากขึ้น
สำหรับผลกระทบทางด้านสมองเกิดกับคนที่ดื่มตลอด และเป็นผลสะสมระยะยาว รวมทั้งในคนที่ดื่มแอลกอฮอล์ขนาดหนักจนไม่รู้สึกตัว ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้จากดื่มครั้งคราว แต่เข้มข้น (binge drinker) (โดยที่ในกลุ่มนี้มีโอกาสที่จะเกิดเส้นเลือดแตกภายใน 24 ชั่วโมงด้วย ) หรือดื่มเป็นประจำในปริมาณสูงตลอดและมากเกินขีดในวาระนั้น เกิดภาวะพิษจากการดื่มมากเกินขีด (alcohol intoxication)
และยังมีความผิดปกติในสมองที่มีลักษณะจำเพาะโดยมีการเคลื่อนไหวของลูกตาผิดปกติการควบคุมการเคลื่อนไหวของแขนขาแปรปรวนแกว่งไปมา (Wernicke’ s encephalopathy) และเมื่อรอดฟื้นขึ้น กลับมีความจำเลอะเลือน จำอะไรไม่ได้และสร้างเรื่องขึ้นมาเอง ซึ่งศัพท์ทางวิทยาศาสตร์เรียกเป็น “ตอแหล” (confabulation) โดยปรากฏการณ์นี้เรียกเป็นภาษาแพทย์คือ Korsakoff’s psychosis
และพิสูจน์ชัดเจนว่าเกี่ยวเนื่องกับการขาดวิตามินบีหนึ่ง ทั้งนี้ถ้ารักษาไม่ทันตั้งแต่ต้น ความผิดปกติในเนื้อสมองนั้นจะเกิดขึ้นถาวรและฟื้นฟูกลับไม่ได้ เกิดเป็นสมองเสื่อมแบบอัลไซเมอร์เฉียบพลัน
นอกจากนั้น ผลที่สะสมต่อเนื่องทำให้เกิดมีสมองเสื่อมอย่างช้า ๆ และสมองส่วนหลังที่ท้ายทอยฝ่อ (atrophy ของ cerebellar vermis) ยืนทรงตัวไม่ได้ และสมองกลีบขมับทางด้านใน (hippocampus) ฝ่อ และการฝ่อจะลุกลามไปทั่วสมอง
ถึงแม้ว่าผลสะสมต่อเนื่องเหล่านี้จะสามารถอธิบายได้ระดับหนึ่ง จากแอลกอฮอล์โดยตรง แต่การศึกษาในระยะต่อมา รวมกระทั่งถึงการศึกษาในสัตว์ทดลอง พบว่า มีกระบวนการอย่างอื่นที่เป็นตัวสำคัญที่ทำให้เกิดผลร้ายดังกล่าว และไม่ใช่แต่เซลล์สมองอย่างเดียวเท่านั้น แต่รวมถึงความผิดปกติของเส้นใยที่เชื่อมโยงเซลล์ประสาทในส่วนต่าง ๆ เข้าด้วยกัน และกระทบปลอกหุ้มประสาททำให้สมองส่วนสีขาวมีความผิดปกติไปด้วย
กลไกที่เป็นที่ยอมรับขณะนี้ ในการทำให้เกิดสมองเสื่อม คือ การอักเสบ ซึ่งอาจจะเกิดจากการติดเชื้อในร่างกายเรื้อรัง ไม่ว่าจะเป็นข้ออักเสบ เหงือกอักเสบ เป็นต้น หรือการอักเสบที่ได้จากการกินอาหาร เนื้อแดง ไข่แดง โดยขาดการกินผักผลไม้ กากใย และถูกปรับเปลี่ยนโดยแบคทีเรียในลำไส้ให้เป็นสารอักเสบเข้าในเลือดและทะลุเข้าไปในเนื้อสมอง และจากการได้รับสารเคมีที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำและอาหาร ตลอดจนมลพิษในสิ่งแวดล้อมและในอากาศที่รู้จักกันดีก็คือฝุ่นพิษ 2.5 ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ยังทำให้สมดุลของการทำงานสัมพันธ์ระหว่างลำไส้ ตับ และสมองแปรปรวน
การศึกษาในขั้นลึกขึ้นไปอีก พบว่า มีการสะสมของธาตุเหล็กมากขึ้นในสมองที่มีภาวะเสื่อม (iron dyshomeostasis) ซึ่งจะมีผลโดยตรงทำให้เซลล์สมองตายหรือไปกระตุ้นเซลล์อื่น ๆ (เช่น macrophage) ให้ปล่อยสารอักเสบทำลายเนื้อสมอง
การศึกษาในคนที่ดื่มเหล้าเรื้อรัง พบหลักฐานที่มีการขาดสมดุลของธาตุเหล็กในร่างกาย เช่น มีการแสดงออกของสาร hepcidine ลดลง มีการเพิ่มขึ้นของการดูดซึมธาตุเหล็กจากลำไส้เนื่องจากผนังลำไส้แปรปรวนและส่งผลทำให้มีการอักเสบในตับและเกิดพังผืดจนกระทั่งตับแข็ง
ในสมองพบความผิดปกติเช่นเดียวกัน ในการศึกษาคนที่ได้รับผลกระทบจากการดื่มแอลกอฮอล์โดยติดมาตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป จะพบว่ามีการทำงานของสมองแปรปรวน จากการวิเคราะห์ด้วย functional MRI ทั้งนี้มีความสัมพันธ์กับตำแหน่งที่มีการสะสมของธาตุเหล็กมากเกินไป (iron sensitive Quantitative susceptibility maps) ที่สมอง striatum globus pallidus cerebellar dentate nucleus
วิตามินบีหนึ่งเกี่ยวข้องอย่างไรกับเรื่องนี้ มีข้ออธิบายได้หลายประการ ทั้งนี้ เนื่องจากวิตามินบีหนึ่งนั้นเป็นวิตามินที่ละลายน้ำและทำหน้าที่ในการช่วยเมตาบอลิซึมของ แป้ง และกรดอะมิโน (Branched amino acid) คนที่ดื่มเหล้าในระยะยาวนาน จะมีการพร่องวิตามินบีหนึ่ง รวมกระทั่งถึงการทำงานของวิตามินบีหนึ่งในร่างกายผิดปกติ ทั้งนี้จากการกินอาหารที่ขาดวิตามิน ลำไส้ดูดซึมไม่ดี จากการที่ตับไม่สามารถเปลี่ยนวิตามินบีหนึ่งให้เป็นวิตามินที่พร้อมทำงาน (thiamine pyrophosphate)
จากผลของการขาดวิตามินบีหนึ่งจะทำให้ผนังของเส้นเลือดในสมอง (blood brain barrier) รั่ว และยอมปล่อยผ่านธาตุเหล็กให้เข้ามาในเนื้อสมองมากขึ้น
การศึกษาในสัตว์ทดลองโดยการให้สารที่ยับยั้งวิตามินบีหนึ่ง (เช่น oxythiamine) จะทำให้เกิดการรั่วของผนังกั้นเส้นเลือดในสมอง
สัตว์ทดลองที่ขาดวิตามินบีหนึ่ง นอกจากจะมีการรั่วของผนังเส้นเลือด ยังเกิดอาการของสมองเสื่อมด้วย แสดงว่าการที่สมองเสื่อมไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของผนังเส้นเลือดของสมองอย่างเดียว และ ยังเกี่ยวข้องกับเซลล์ที่อยู่ข้างเคียงกับผนังเส้นเลือด perivascular microglia ซึ่งเมื่อสะสมเหล็กเข้าไปจะกระตุ้นให้มีการสร้างสารอักเสบที่ไปทำลายสมองเป็นทอด ๆ และภาวะธาตุเหล็กมากเกินไปในสมองยังมีความสัมพันธ์กับสภาวะดื้ออินซูลินในสมองซึ่งทราบกันดีแล้วว่า เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดสมองเสื่อม
จากหลักฐานโดยตรงและโดยอ้อมเริ่มสนับสนุนบทบาทของวิตามินบีหนึ่ง ที่บกพร่องในคนที่เสพสุราเป็นอาจิณ (รายงานมาจาก คณะวิจัยจากเวียนนา ในวารสาร alzheimer’s and dementia) และต้องถือเป็นข้อปฏิบัติสำหรับคนทุกคน ไม่ดื่มหัวราน้ำ หรือถ้าไม่เคยดื่มก็ไม่ต้องริดื่ม และต้องกินอาหารให้ครบ ไม่ใช่ใช้เหล้าแอลกอฮอล์เป็นพลังงานในการดำรงชีวิต อีกทั้งต้องกินอาหารที่มีวิตามินบีหนึ่ง ดังที่ได้เคยเขียนไว้ในบทเกี่ยวข้องกับการขาดวิตามินบีหนึ่ง ในสุขภาพหรรษามาก่อนหน้านี้ และคงไม่ผิดถ้าจะเสริมด้วยการกินวิตามินบีหนึ่งในขนาดวันละ 100 ถึง 250 มิลลิกรัม พร้อมกับวิตามินบี 12 อย่างน้อย 0.5 มิลลิกรัมต่อวันไปทุกวัน