ฉีด 2 เข็มไม่พอ! ไขข้อสงสัยวัคซีนบูสเตอร์โดส จำเป็นแค่ไหน เลือกอย่างไรได้บ้าง?
ในสถานการณ์การระบาดปัจจุบันการฉีดวัคซีน 2 เข็มไม่เพียงพออีกต่อไป ย้ำวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 จำเป็น ยันทุกสูตรในไทยตอบโจทย์ ลดป่วยหนัก-เสียชีวิตได้สูง
จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด ที่ยังคงแพร่ระบาดและพบการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้มีนโยบายฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 หรือวัคซีนบูสเตอร์โดส ให้กับประชาชนในสูตรต่าง ๆ โดยขณะนี้มีประชาชนฉีดวัคซีนป้องกันโควิดไปแล้วกว่า 21.1 ล้านโดส พบว่าหลายคนยังสงสัยว่าวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 มีความจำเป็นเพียงใด และควรเลือกอย่างไรนั้น
ทีมข่าว PPTV News Content ได้รวบรวมข้อมูลมา มีรายละเอียดดังนี้
โควิดวันนี้ เช็ก 10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด กทม.ยังรั้งอันดับ 1
โอมิครอน BA.2 ครองไทยเกินครึ่ง “ แพร่เร็วกว่าเดิม 1.4 เท่า
นพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิและรองผู้อำนวยการสถาบัน สถาบันบำราศนราดูร เปิดเผยข้อมูลว่า เมื่อเวลาผ่านไป ระดับภูมิคุ้มกันจะลดลง การฉีดวัคซีน 2 เข็มไม่เพียงพออีกต่อไป ดังนั้นการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 จึงจำเป็น เพราะจะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายให้สามารถป้องกันเชื้อโควิดและการลดความรุนแรงโรค ที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และการเสียชีวิตได้
เช็กที่นี่! วันหยุด“สงกรานต์”65 มีวันไหนบ้าง? เปิดข้อมูลกิจกรรม-สถานที่เสี่ยง รับมือโควิด
ด้วยเหตุนี้ สธ.จึงมีมาตรการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 โดยให้เว้นระยะห่างจากวัคซีนเข็มที่ 2 เป็นระยะเวลา 3-6 เดือนให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว และบุคลากรด่านหน้าของสังคม
“ประสิทธิผลของวัคซีน” ปัจจัยสำคัญเลือกฉีดเข็ม 3
สิ่งสำคัญคือความเข้าใจที่ถูกต้องระหว่างประสิทธิภาพและประสิทธิผลของวัคซีน ประสิทธิภาพของวัคซีน (Efficacy) คือผลการป้องกันของวัคซีนที่ทำการศึกษาในโครงการวิจัยที่มีการควบคุมปัจจัยต่างๆ อย่างเข้มงวด ขณะที่ประสิทธิผลของวัคซีน (Effectiveness) เป็นการดูผลการป้องกันของวัคซีนในชีวิตจริงที่มีการใช้ในประชากรในวงกว้าง
หากจะเปรียบเปรยให้เห็นภาพมากขึ้น ประสิทธิภาพของวัคซีนก็คือผลการเรียนของเราในรั้วโรงเรียน ส่วนประสิทธิผลก็คือผลการทำงานในชีวิตจริง ดังนั้น ประสิทธิผลของวัคซีนจึงเป็นตัวสะท้อนถึงผลของการป้องกันของวัคซีนในสถานการณ์จริงมากกว่า และควรเป็นตัวชี้วัดประกอบการพิจารณาเลือกวัคซีนป้องกันโควิดที่เหมาะสม
สร้างภูมิดีหรือไม่ ดูได้ที่ “T-Cells”
นอกเหนือจากระบบภูมิคุ้มกันชนิดแอนติบอดี (Antibody) ที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยกันดี ในความเป็นจริงยังมีระบบภูมิคุ้มกันอีกชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน นั่นก็คือ “ระบบภูมิคุ้มกันชนิดทีเซลล์ (T-cells)” อันเป็นเซลล์ชนิดหนึ่งที่อยู่ในระบบภูมิคุ้มกันชนิดจำเพาะเจาะจง ซึ่งมีคุณสมบัติสำคัญในการจดจำเชื้อโรคหรือไวรัสที่เข้ามาสู่ร่างกายได้ในระยะเวลายาวนาน และสามารถตอบสนองต่อเชื้อโรคตัวเดิมในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
โดย T-cells มีหน้าที่ช่วยกำจัดเซลล์ที่ติดเชื้อในร่างกาย และช่วยกระตุ้นภูมิต้านทานอื่น ๆ ในร่างกายให้ตอบสนองดีขึ้น จึงมีบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งในการลดความรุนแรงของโรคและลดอัตราการเสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้วัคซีนป้องกันโควิด เช่น วัคซีนชนิดใช้ไวรัสเป็นพาหะ (Viral Vector) มีคุณสมบัติในการกระตุ้น T-cells ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยาวนานเป็นเวลาหลายเดือน จึงสามารถช่วยลดความรุนแรงของโรคและอัตราการเสียชีวิตจากโรคโควิดได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม วัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ไม่ว่าจะเป็นชนิดใด ทั้ง Viral Vector หรือ mRNA ก็ตาม ต่างช่วยเพิ่มประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อ ลดอาการป่วยหนักในระดับที่ต้องเข้าโรงพยาบาลและการเสียชีวิตจากโควิดได้สูงในทุกสายพันธุ์ที่มีการระบาด รวมถึงสายพันธุ์โอมิครอน ยืนยันว่าวัคซีนบูสเตอร์โดสในไทยตอบโจทย์
รู้จัก T-cells พระเอกที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคโควิด-19ในระยะยาว
อาการข้างเคียงหลังฉีดบูสเตอร์โดส พบได้น้อย-ไม่รุนแรง
อาการข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 นั้นพบได้น้อย ส่วนใหญ่ไม่รุนแรง และเป็นอาการที่มักหายได้เอง อาทิ ปวดบริเวณที่ฉีด บวมแดง หรือมีไข้ เป็นต้น โดยหลังฉีดวัคซีนโควิด ควรเฝ้าระวังสังเกตอาการตนเอง จนครบ 30 นาที หากพบว่ามีอาการรุนแรงควรรีบพบแพทย์ทันที
ไร้ข้อสรุปต้องฉีดกระตุ้นตลอดหรือไม่
ส่วนเราจำเป็นต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นต่อจากนี้ตลอดไปอีกหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ ต้องรอข้อมูลการศึกษาเพิ่มเติม ทว่าแนวทางการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดเข็มกระตุ้นในระยะยาวนั้นมีความเป็นไปได้