“ยาคุมฉุกเฉิน” ใช้ให้ถูกต้องประสิทธิภาพป้องกันการตั้งครรภ์สูงสุด
“ยาคุมฉุกเฉิน” แค่ชื่อก็บอกไว้อยู่แล้วยาคุมกำเนิดชนิดนี้เหมาะสมกับกรณีฉุกเฉินจริงๆ เท่านั้น เช่น มีเพศสัมพันธ์โดยบังเอิญ เผลอ หรือถูกบังคับ ถุงยางอนามัยรั่ว หรือหลุด เป็นต้น แล้วควรใช้ให้ถูกต้องเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
หลายคนสงสัยว่ายาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินมีความเหมือน หรือแตกต่างจากยาคุมแบบปกติอย่างไร ? ต้องบอกก่อนว่า จริงๆ แล้วการใช้ยาคุมฉุกเฉินก็เหมือนกับการใช้ยาอื่นๆ คือมีประโยชน์ต่อเมื่อใช้อย่างถูกต้องและถูกวิธีเท่านั้น ยาคุมฉุกเฉินที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบันจะมีลักษณะเป็นกล่อง โดย1 กล่องจะมี 1 แผง แต่ละแผงมียาคุมฉุกเฉิน 2 เม็ด โดยในแต่ละเม็ดประกอบไปด้วยยาที่เป็นฮอร์โมนขนาดสูง ลีโวนอร์เจสเตรล (levonorgestrel)
วิธีกิน“ยาคุมฉุกเฉิน”ที่ผู้หญิงต้องรู้ ให้ปลอดภัยลดโอกาสเป็นมะเร็ง
รวมทุกอย่างที่ต้องรู้ก่อน “เทคฮอร์โมน” กี่เดือนเห็นผล มีผลข้างเคียงอย่างไร
วิธีการใช้ยาคุมฉุกเฉินที่ถูกต้อง
- กินเม็ดแรกให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์แบบที่ไม่ได้ป้องกัน อย่างน้อยที่สุด คือไม่ควรเกิน 72 ชั่วโมง
- กินเม็ดที่ 2 หลังจากเม็ดที่ 1 ภายใน 12 ชั่วโมง และไม่แนะนำให้รับประทานยาเกิน 4 เม็ด หรือ 2 กล่องต่อเดือน
ผลข้างเคียงยาคุมฉุกเฉินเนื่องจากกินฮอร์โมนในปริมาณสูง
- ผู้ใช้บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้
- ประจำเดือนมาเร็ว หรือช้าผิกปกติ
- อาการปวดท้อง
- เจ็บคัดเต้านม
- มีเลือดออกกระปริบกระปรอย หรือมีเลือดออกมากระหว่างเดือน
- หากรับประทานในขณะตั้งครรภ์อาจทำให้ทารกในครรภ์พิการ
- ห้ามใช้ในคนที่เป็นโรคตับ นิ่วในถุงน้ำดี และมารดาที่ให้นมบุตร
หลังจากใช้ยาถ้าประจำเดือนยังไม่มาเกินกว่า 1 สัปดาห์ ควรตรวจดูว่าเป็นเพราะตั้งครรภ์หรือไม่ หากสงสัยควรไปปรึกษาแพทย์
กินยาคุมฉุกเฉิน 2 เม็ดพร้อมกันได้ หรือไม่ ?
สามารถรับประทานยาคุมฉุกเฉิน 2 เม็ด พร้อมกันในครั้งเดียวได้ โดยที่ประสิทธิภาพและความปลอดภัยไม่แตกต่างจากการแบ่งรับประทานเป็น 2 ครั้ง ทั้งนี้ การรับประทานครั้งเดียวจะทำให้สะดวกมากกว่าการแบ่งยารับประทาน แต่บางรายอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น พบอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ง่ายกว่าการแบ่งรับประทานเป็น 2 ครั้ง
ไขข้อสงสัย กินยาคุมกำเนิดนานๆแล้วเป็นมะเร็งเต้านม จริงหรือไม่ ?
อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพในการใช้ยาคุมกำเนิดวิธีนี้สู้วิธีการใช้ยาคุมฮอร์โมนรวมแบบปกติไม่ได้ และจะไม่มีผลป้องกันเมื่อมีเพศสัมพันธ์เกิดขึ้นอีกครั้งหลังรับประทานยากินไปแล้ว นอกเสียจากต้องกินยาชุดใหม่ อีกทั้งไม่ได้มีผลต่อการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ วิธีป้องกันโรคติดต่อ และสามารถคุมกำเนิดได้ดีที่สุด คือ การใช้ถุงยางอนามัย
นอกจากนี้ ยาคุมฉุกเฉินยังไม่ก่อให้เกิดการแท้งได้ ดังนั้น ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่ยาทำแท้ง แต่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้เท่านั้น เนื่องจากตัวยาเข้าไปในร่างกายก่อนที่จะมีการฝังตัวของไข่ที่เยื่อบุโพรงมดลูก แต่หากไข่ที่ผสมอสุจิได้ฝังตัวที่ผนังมดลูกไปแล้ว ประสิทธิภาพของยาก็จะไม่ได้ผล
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลเปาโล
Safe Sex วาเลนไทน์ ป้องกันท้องก่อนวัย โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
รับวาเลนไทน์! สปสช. เดินหน้าแจกยาคุมกำเนิด-ถุงยางอนามัย ฟรี! ผ่านแอปเป๋าตัง