“มะเร็งเต้านม” เทคนิคและโปรแกรมประสิทธิภาพสูงลดอัตราการเสียชีวิต!
โรคร้ายภัยเงียบของผู้หญิงทั่วโลก ที่ทุกคนควรคัดกรองอย่างน้อยปีละครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ระบบคะแนน BIRADS คืออะไร? เช็กสัญญาณก่อนมะเร็งลุกลาม! รู้ทั้งหมดได้ในบทความนี้!
มะเร็งเต้านม สาเหตุการเสียชีวิตของผู้หญิงทั่วโลก และมากเป็นอันดับ 1 ในหญิงไทย เนื่องจากเป็นโรคมะเร็งที่ไม่มีสัญญาณเตือน ดังนั้นการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมปีละ 1 ครั้ง โดยการทำ mammogram with ultrasound ร่วมกับการตรวจร่างกายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทำให้สามารถตรวจพบมะเร็งเต้านมตั้งแต่ระยะเริ่มแรก เพิ่มโอกาสในการรักษาโรคให้หายขาดได้
ใครควรตรวจมะเร็งเต้านม ?
- มีญาติสายตรงเป็นมะเร็งเต้านม
- ญาติสายตรงมีผลตรวจพันธุกรรม BRCA1 BRCA2 เป็นบวก
- เคยรับการฉายแสงบริเวณทรวงอก
สัญญาณ“มะเร็งเต้านม”แพทย์เผยวิธีปฏิบัติตนเมื่อรู้ว่าป่วย รีบรักษาหายขาดได้!
ดู-คลำ-กด! ตรวจ "มะเร็งเต้านม" ด้วยตัวเอง รู้ทันลดความรุนแรงโรค

- รับยาฮอร์โมนสม่ำเสมอ
- เคยเป็นมะเร็งเต้านมมาก่อน
- เคยมีก้อนเนื้อบางชนิด ที่ได้รับการตรวจว่ามีความเสี่ยง
“ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมควรเริ่มตรวจตั้งแต่อายุ 35-40 ปี หากมีปัจจัยเสี่ยงดังที่กล่าวมาข้างต้น ควรเริ่มตรวจตั้งแต่อายุ 25-30 ปี”
สัญญาณเตือนของมะเร็งเต้านม
- คลำพบก้อนบริเวณเต้านมหรือรักแร้
- ขนาด รูปร่าง รูปทรง หรือผิวของเต้านมเปลี่ยนไปจากเดิม
- มีรอยบุ๋ม หรือการดึงรั้งของเต้านม/หัวนม
- รอยผื่นแดง บวมหนาเหมือนเปลือกส้ม บริเวณหัวนม ลานนม
- มีน้ำ หรือของเหลวไหลออกจากหัวนม โดยไม่ได้อยู่ในช่วงให้นมบุตร
- อาการคันบริเวณหัวนม ที่รักษาไม่หายแม้จะได้รับการรักษา อาจกลายเป็นสะเก็ดแข็ง
อย่างไรก็ตามอาการดังกล่าวเกิดได้หลายสาเหตุ ควรได้รับการตรวจเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ใช่อาการของมะเร็งเต้านม
ผลตรวจ Mammogram with Ultrasound
การแปรผลตรวจใช้ระบบคะแนน BIRADS (Breast Imaging Reporting and Data System) โดยจะประเมินความผิดปกติจากภาพเอกซเรย์ แล้วให้คะแนนตามความรุนแรง และโอกาสของการเป็นมะเร็ง ดังนี้
- BIRADS 0 ภาพเอกซเรย์ที่ได้ไม่สามารถแปรผลได้ ภาพไม่ชัดหรือไม่เพียงพอ หรือตรวจไม่ครบตามข้อสงสัย แนะนำ ให้ตรวจซ้ำหรือตรวจเพิ่มเติม
- BIRADS 1 ผลตรวจไม่พบความผิดปกติ แนะนำ ตรวจประจำปีต่อเนื่อง
- BIRADS 2 พบสิ่งผิดปกติที่ไม่ใช่มะเร็ง เช่น ถุงน้ำ หินปูนแบบกลมที่ไม่เกาะกันเป็นกลุ่ม เนื้องอกที่มีการตรวจติดตามมาแล้ว 2-3 ครั้ง ไม่มีความเปลี่ยนแปลง แนะนำ ตรวจติดตามประจำปี
- BIRADS 3 ตรวจพบความผิดปกติที่เกิดขึ้นใหม่ ก้อนเนื้อ หินปูน เกิดใหม่ ถุงน้ำที่มีความขุ่น ท่อน้ำนมขยายตัว แต่ยังไม่มีลักษณะที่จะบ่งบอกว่าเป็นมะเร็ง กลุ่มนี้มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็ง ประมาณ 2% แนะนำ ตรวจติดตามทุก 6 เดือน
- BIRADS 4 ตรวจพบความผิดปกติที่มีโอกาสเป็นมะเร็ง โดยจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มย่อย
- BIRADS 4A มีโอกาสเป็นมะเร็ง 2-10%
- BIRADS 4B มีโอกาสเป็นมะเร็ง 10-30%
- BIRADS 4C มีโอกาสเป็นมะเร็ง 30-95%
กลุ่มนี้เริ่มมีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งสูงขึ้น แพทย์จะแนะนำให้เจาะชิ้นเนื้อส่งตรวจ
- BIRADS 5 หมายถึง ตรวจพบความผิดปกติที่มีโอกาสเป็นมะเร็งสูงกว่า 95% จำเป็นต้องได้รับการตรวจชิ้นเนื้อ เพื่อวางแผนการรักษา
- BIRADS 6 หมายถึง มีผลตรวจทางพยาธิวิทยายืนยันว่าเป็นมะเร็ง ตรวจเพื่อวางแผนการรักษาเพิ่มเติม หรือภาพเดิมที่มีไม่ชัดพอ
การตรวจชิ้นเนื้อมะเร็งเต้านม
- Fine Needle Aspiration Biopsy FNA (การเจาะก้อนด้วยเข็มขนาดเล็ก)
การตรวจจะมีความแม่นยำและความไวต่ำกว่าการตรวจอื่น เนื่องจากเป็นการตรวจเซลล์ ซึ่งการเจาะอาจเจาะแล้วไม่ได้เซลล์ หรือการตรวจเซลล์ค่อนข้างยาก แต่ทำได้ง่ายค่าใช้จ่ายต่ำกว่าวิธีอื่นดังนั้นมักจะใช้ร่วมกับการแมมโมแกรมและอัลตร้าซาวด์ ต้องแปลผลร่วมในทางเดียวกัน อีกทั้งอาจต้องยืนยัน ด้วยการตรวจอื่นถ้าผลไม่ไปทางเดียวกัน
- Core needle biopsy (การเจาะก้อนด้วยเข็มตัดชิ้นเนื้อ)
การเจาะชิ้นเนื้อตรวจมะเร็ง ด้วยเข็มตัดชิ้นเนื้อโดยมากเพื่อความแม่นยำและความปลอดภัยมากขึ้นมักใช้ร่วมกับอัลตร้าซาวด์ การตรวจจะได้ชิ้นเนื้อไปตรวจ
- Vacuum assisted excision
การเจาะที่ใช้เข็มเจาะชิ้นเนื้อขนาดใหญ่ ที่ต่อกับเครื่องดูดสุญญากาศ ทำให้ได้เนื้อชิ้นใหญ่กว่า Core needle biopsy และเพื่อความแม่นยำและความปลอดภัยมากขึ้น มักใช้ร่วมกับอัลตร้าซาวด์ นอกจากนี้ยังพัฒนามาทำให้สามารถตัดก้อนทั้งก้อนได้ โดยมีแผลเล็กกว่าเจ็บน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิด
การตรวจยีน Genetic Testing เจาะลึกDNA ป้องกันมะเร็งร้ายลุกลาม
ระยะมะเร็งเต้านม
- ระยะ 0 มะเร็งระยะไม่ลุกลาม มะเร็งอยู่ในท่อน้ำนมไม่มีการแพร่กระจายออกนอกท่อน้ำนม
- ระยะ 1 มะเร็งเต้านมระยะแรก ขนาดเล็กกว่า 2 ซม. และไม่มีการแพร่กระจายไปต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้
- ระยะ 2 มะเร็งขนาด 2-5 ซม. และ/หรือแพร่กระจายไปต่อมน้ำเหลืองรักแร้ข้างเดียวกัน
- ระยะ 3 มะเร็งขนาดใหญ่กว่า 5 ซม. มีการแพร่กระจายไปต่อนน้ำเหลืองรักแร้ข้างเดียวกันอย่างมากจนติดแน่นกับอวัยวะข้างเคียง
- ระยะ 4 มะเร็งระยะสุดท้าย มะเร็งขนาดใดก็ได้ แต่มีการแพร่กระจายไปอวัยวะอื่น เช่น ปอด ตับ กระดูก สมอง เป็นต้น
มะเร็งเต้านมหากตรวจพบในระยะแรกมีโอกาสหายค่อนข้างสูง หากได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีและมีการป้องกันการกลับเป็นซ้ำได้ โดยต้องมีการวางแผนการรักษาร่วมกันของแพทย์กับผู้ป่วย
การรักษามะเร็งเต้านม
- การผ่าตัด (Breast surgery) เป็นวิธีการรักษาหลักของมะเร็งเต้านมระยะแรก สามารถควบคุมโรคได้ดี และได้ชิ้นเนื้อส่งตรวจเพื่อทราบระยะที่แท้จริงของโรค ทำให้สามารถวางแผนการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมมากยิ่งขึ้น การผ่าตัดจะประกอบด้วยการผ่าตัดเต้านมและการผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้
- ผ่าตัดเต้านมออกทั้งหมด (Total mastectomy) คือ การผ่าตัดเต้านมออกทั้งหมด รวมผิวหนังที่อยู่เหนือก้อนและหัวนมด้วย มักจะพิจารณาเลือกในกรณีก้อนมีขนาดใหญ่ เต้านมเล็ก มีหลายตำแหน่ง หรือมีข้อจำกัดไม่สามารถฉายรังสีหลังการผ่าตัดได้
- ผ่าตัดแบบสงวนเต้า (Breast conserving surgery) คือ การตัดก้อนมะเร็งและเนื้อเต้านมปกติรอบก้อนมะเร็ง โดยยังคงเหลือเนื้อของเต้านมส่วนใหญ่และหัวนม ยังคงรักษารูปร่างของเต้านมไว้ และผู้ป่วยส่วนใหญ่ต้องรับการฉายรังสีร่วมด้วย ซึ่งให้ผลการรักษาดีเท่าการผ่าตัดตัดเต้านมทั้งหมด
- การฉายรังสี (รังสีรักษา-Radiation therapy) การใช้รังสีพลังงานสูงฉายบริเวณที่เป็นมะเร็ง เพื่อทำลาย หยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง การรักษามะเร็งเต้านมโดยการผ่าตัดแบบสงวนเต้าแทบทุกรายต้องรับการฉายรังสีร่วมด้วย โดยทั่วไปจะฉาย 16-21 ครั้ง โดยฉายสัปดาห์ละ 5 วัน หยุด 2 วัน เพื่อให้ร่างกายได้พักและซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหาย
- เคมีบำบัด (Chemo therapy) เป็นยาที่มีคุณสมบัติทำลายหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย ต่างจากการผ่าตัดที่ให้ผลเฉพาะที่ การรับยาเคมีบำบัดเพิ่มโอกาสหายขาดและมีชีวิตยืนยาวขึ้น
- ยาต้านฮอร์โมน (Hormonal therapy) ใช้ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีตัวรับฮอร์โมนเป็นบวก (ER/PR +ve) เพื่อทำให้เซลล์มะเร็งที่อาจหลงเหลืออยู่ในร่างกายขาดฮอร์โมนที่ไปกระตุ้นการเจริญเติบโต ลดโอกาสการกลับเป็นซ้ำและลดโอกาสการเป็นมะเร็งของเต้านมอีกข้าง อย่างไรก็ตาม ยาต้านฮอร์โมนมีผลกระทบต่อมดลูกและรังไข่ ควรรับการตรวจภายในประจำปีโดยแพทย์นรีเวช
- ยามุ่งเป้า (Targeted therapy) เป็นการรักษาโรคมะเร็งแบบออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง ออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตและการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง
- ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) เป็นยาที่ใช้รักษามะเร็งโดยการอาศัยระบบภูมิคุ้มกัน เพิ่มการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้กำจัดเซลล์มะเร็ง
หากสำรวจด้วยตัวเองแล้วพบความผิดปกติดังกล่าว แนะนำให้มาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลสมิติเวช
ผู้หญิงเสี่ยงมะเร็งมากกว่าผู้ชาย? เช็กสัญญาณร่างกายเปลี่ยนต้องระวัง!
มะเร็งชนิดไหนลุกลามมาที่กระดูกได้? เสี่ยงแตกหักง่ายภาวะกดทับไขสันหลัง