Safe SEX ปลอดภัย เผยข้อแตกต่างหนองในแท้-เทียมกลุ่มเสี่ยงต้องระวัง!
วาเลนไทน์ 2567 เทศกาลแห่งความรักที่ต้องระมัดระวังในปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นที่อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการเพื่อป้องกันอันตรายที่ยากจะแก้ ด้วยเทคนิค Safe SEX อย่างปลอดภัย!
ในปัจจุบันสังคมไทยเปิดกว้างความหลากหลายทางเพศส่งผลให้ไลฟ์สไตล์เรื่องเซ็กซ์มีหลายรูปแบบ ซึ่งอาจนำมาซึ่งโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้จากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อราบางชนิด ซึ่งการเซฟเซ็กซ์จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้คุณภาพชีวิตดีไม่ต้องเจ็บป่วยร้ายแรงเรื้อรังยากต่อการรักษาเพราะความรัก โดยเฉพาะหนองในแท้และหนองในเทียมที่ต้องระวัง!
รวม 10 ของขวัญ "วันวาเลนไทน์" ให้แล้วการันตีความอบอุ่นใจ
เอชพีวี (HPV) คืออะไร? ทำไมก่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์-สารพัดมะเร็ง
Freepik/jcomp
มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย

หนองในแท้กับหนองในเทียมแตกต่างกันอย่างไร?
หนองในเทียม
เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า Chlamydia Trachomatis เป็นภาวะติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่พบมากที่สุด โดยมีต้นเหตุมาจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อ ระยะฟักตัวของโรคอยู่ที่ 7 – 21 วัน ส่วนใหญ่ผู้ชาย 50% มักไม่มีอาการ
อาการที่แสดงในคุณผู้ชาย (50% มักไม่มีอาการ)
- ปัสสาวะแสบขัด
- มีมูกใสหรือมูกขาวขุ่นที่ปลายอวัยวะเพศ
- แสบคันที่ท่อปัสสาวะ หรือเจ็บอัณฑะ
ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาจะทำให้ท่อนำอสุจิบวมจนถึงเป็นหมันได้
อาการที่แสดงในคุณผู้หญิง (มากกว่า 70% มักไม่มีอาการ)
- มีอาการปัสสาวะขัด
- ตกขาวมากกว่าปกติ
- เจ็บระหว่างมีเพศสัมพันธ์
- เลือดออกผิดปกติในระหว่างรอบดือน หรือหลังมีเพศสัมพันธ์
- ปวดท้องน้อย
ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาจะนำไปสู่อุ้งเชิงกรานอักเสบ ท่อนำไข่อุดตัน มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงถึงขนาดมีบุตรยาก เป็นหมันหรือตั้งครรภ์นอกมดลูก การปล่อยทิ้งไว้จะทำให้มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงถึงขนาดเป็นหมันได้นอกจากนี้ยังสามารถติดเชื้อบริเวณทวารหนักดวงตาทำให้เกิดเยื่อบุตาขาวอักเสบ
หนองในแท้
เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า N.gonorrhoeae เป็นภาวะติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่พบมากรองลงมา โดยมีต้นเหตุมาจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อ ระยะฟักตัวของโรคอยู่ที่ 1 – 14 วัน
อาการที่แสดงในคุณผู้ชาย
- มักจะแสดงอาการ 2 – 5 วันภายหลังจากสัมผัส
- อาการปัสสาวะแสบขัด
- มีมูกขุ่นเขียวหรือเหลือง หรือลักษณะคล้ายหนอง
- แสบคันที่ท่อปัสสาวะ
- หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศอักเสบ
- อัณฑะบวมอักเสบ
อาการที่แสดงในคุณผู้หญิง
- ระยะเวลาฟักตัวไม่ชัดเจน แต่มีอาการหลังจากสัมผัสเชื้อประมาณ 10 วัน
- มีปัสสาวะแสบขัด
- ตกขาวสีเขียวเหลือง แสบคัน
- เลือดออกผิดปกติในระหว่างรอบดือน หรือหลังมีเพศสัมพันธ์
- ปวดท้องน้อย
ส่วนใหญ่ผู้หญิงมากกว่า 50% มักไม่มีอาการหรือมีเพียงตกขาวมากขึ้นเล็กน้อยจนกระทั่งนำไปสู่อุ้งเชิงกรานอักเสบ ท่อนำไข่อุดตัน นอกจากนี้ยังสามารถติดเชื้อบริเวณทวารหนัก ทำให้มีอาการคัน มีหนองไหลหรือเลือดซึมจากทวาร ปวดบิดหน่วงเวลาถ่าย บริเวณดวงตาทำให้เกิดเยื่อบุตาขาวอักเสบ ติดเชื้อบริเวณในคอ ทำให้เกิดอาการเจ็บคอ คอมีหนองหรือทอนซิลอักเสบมีหนอง หรือปวดข้อได้
ผู้ป่วยที่เป็น 2 โรคนี้ส่วนใหญ่มักมาตอนที่เป็นหนักแล้ว ดังนั้นการตรวจภายในทุกปีจึงมีความสำคัญ และในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น มีการเปลี่ยนคู่นอน ควรตรวจคัดกรองทุก 3 – 6 เดือน และในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น มีการเปลี่ยนคู่นอน ควรตรวจคัดกรองทุก 3 – 6 เดือน จะได้รู้เท่าทันและรีบรักษา เพราะการปล่อยทิ้งไว้จะทำให้มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงถึงขนาดเป็นหมันหรือตั้งครรภ์นอกมดลูกได้
เช็กอาการนำ “ฝีดาษวานร” การติดต่อโรค ระยะฟักตัว และ วิธีป้องกัน
ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- เลือกให้เป็น เลี่ยงให้ดี เลือกคู่นอน ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย งดการมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า
- เลี่ยงกิจกรรมทางเพศที่สุ่มเสี่ยง อย่างการมีเพศสัมพันธ์แบบกลุ่มหรือเซ็กส์หมู่
- ใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
- กินยาเซฟเซ็กซ์ หากเผลอมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ตั้งใจ ควรปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อรับยาป้องกันได้ โดยยา PrEP ช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อ HIV จากการมีเพศสัมพันธ์ ควรรับประทานตามคำแนะนำของแพทย์
- เจาะเลือดทุกปี เพื่อตรวจเช็กสุขภาพและตรวจหาเชื้อในกลุ่มที่มีความเสี่ยง หากพบปัญหารีบดูแลรักษาทันที
ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังมีเพศสัมพันธ์ บางคนแพ้ถุงยางอนามัย บางคนพลาดพลั้งมีอะไรกับคนแปลกหน้า บางคนไม่ถึงจุดสุดยอด และปัญหาเรื่องเซ็กส์อีกมากมาย ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อดูแลตนเองอย่างเหมาะสมและช่วยให้ห่างไกลโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลกรุงเทพ
โพลวาเลนไทน์ เผย 58% มองว่าเพศสัมพันธ์ไม่ใช่การแสดงออกของความรัก
ก่อนวาเลนไทน์ 2566 ! รู้จัก 6 โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ป้องกันได้!