หมอศูนย์อุบัติเหตุห่วงสงกรานต์ 7 วัน ระวังอันตรายบนท้องถนน
7 วันอันตรายช่วงเทศกาลสงกรานต์ เตรียมความพร้อมป้องกันไม่ให้เกิด “อุบัติเหตุ”
นับถอยหลังเข้าสู่ช่วง 7 วันอันตรายเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งประชาชนบางส่วนได้ทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนากันแล้ว เมื่อการจราจรคับคั่งสิ่งที่ตามมาอย่างไม่ตั้งใจก็คืออุบัติเหตุบนท้องถนน ทำให้เกิดการบาดเจ็บในบางกรณีอันตรายถึงชีวิต ซึ่งการได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นทุกคนจึงควรทำความใจการปฏิบัติตัวเบื้องต้น เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
เมื่อเกิดอุบัติเหตุผู้บาดเจ็บที่พบในที่เกิดเหตุอาจผ่านการกระทบกระแทกและมีการบาดเจ็บภายในที่เราไม่เห็น
เปิดข้อแตกต่าง“ไข้เลือดออก-โควิด” เช็กอาการให้ชัวร์ป่วยเป็นโรคไหน
สงกรานต์ไกลโควิด-19 กรมอนามัยเปิดแนวทางจัดกิจกรรมรวมกลุ่ม
การช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายออกจากที่เกิดเหตุเพื่อนำส่งโรงพยาบาลต้องระวังป้องกันการบาดเจ็บเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้นในขณะที่อุ้ม ดึง ยก และเคลื่อนตัวผู้บาดเจ็บ โดยเฉพาะในรายที่กระดูกหัก ข้อเคลื่อน การเข้าช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์อาจทำให้กระดูกเคลื่อนไปกดเบียดอวัยวะสำคัญที่อยู่ใกล้เคียง ได้แก่ เส้นประสาท ไขสันหลัง หลอดเลือดได้
หากพบเจอผู้บาดเจ็บควรโทร.1669 หรือสายด่วน 1724 ศูนย์เคลื่อนย้ายผู้ป่วย บีดีเอ็มเอส BDMS Medevac Center พร้อมให้การช่วยเหลือเพื่อแจ้งเหตุ และให้การช่วยเหลือตามคำแนะนำ ผู้บาดเจ็บที่อาการหนักหรือขยับตัวเองไม่ได้ควรรอให้ทีมที่ผ่านการฝึกและมีอุปกรณ์ที่เหมาะสมมาให้การช่วยเหลือในลำดับถัดไป
ผู้บาดเจ็บทุกรายต้องได้รับการตรวจประเมินทุกส่วนในร่างกาย เพื่อตรวจหาการบาดเจ็บและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น โดยมีลำดับการดูแลดังนี้
- สำรวจหาภาวะฉุกเฉินที่ทำให้เสียชีวิต เช่น เสียเลือดมาก หายใจลำบาก ขาดออกซิเจน เมื่อตรวจพบต้องเร่งแก้ไขในทันที
- ตรวจร่างกายให้ครบทุกส่วน เพื่อสำรวจหาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นทั้งภายนอกและภายในร่างกาย ขั้นตอนนี้จะทำเมื่อผู้ป่วยปลอดภัยจากภาวะที่คุกคามชีวิต
- เมื่อตรวจพบการบาดเจ็บที่สำคัญ ต้องมีทีมแพทย์สหสาขาผู้ชำนาญมาร่วมวางแผนการรักษาตั้งแต่ต้นเพื่อลดการรอคอยและการตรวจค้นที่ซ้ำซ้อน สามารถเริ่มผ่าตัดรักษา หรือให้การดูแลที่จำเพาะต่อการบาดเจ็บได้ทันที โดยเฉพาะการบาดเจ็บในระบบสำคัญของร่างกาย เช่น สมองและระบบประสาท หัวใจ หลอดเลือดใหญ่ ปอด ทางเดินหายใจกระดูกและข้อ
ป้องกันการบาดเจ็บ
ร่างกายผู้ขับขี่ต้องพร้อม
- พักผ่อนเพียงพอ
- ไม่อดนอน
- ไม่ขับรถต่อเนื่องหลายชั่วโมง ไม่เกิน 4 ชั่วโมงต้องพัก
- “ง่วงไม่ขับ” ง่วงแล้วพัก หรือมีคนช่วยขับ ยิ่งรถใช้ความเร็วแม้เพียงชั่ววูบที่หลับไปก็อาจเกิดอุบัติเหตุรถชนได้
- “ดื่มไม่ขับ” การรณรงค์เตือนว่า “เมาไม่ขับ” ทำได้ยาก…เพราะเมื่อดื่มแล้วส่วนมากจะบอกเลยว่า “ไม่เมา”
สภาพรถต้องพร้อม
- ระบบเบรกต้องพร้อมใช้งาน
- ขับขี่ด้วยความเร็วเหมาะสม
- ขับให้ช้าลงจะลดความรุนแรงเมื่อเกิดเหตุ
- ปฏิบัติตามกฎจราจร โดยเฉพาะการหยุดรถก่อนขับผ่านทางแยก ไม่ขับฝ่าไฟแดง
ป้องกันตนเองทุกครั้ง
- ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ต้องสวมหมวกนิรภัย
- ผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารในรถยนต์และรถโดยสารต้องคาดเข็มขัดนิรภัย
ปลอดภัยไว้ก่อน
- เตรียมใจคิดไว้เสมอว่า “เดินทางไกล ต้องค่อย ๆ ไปด้วยกัน” มีน้ำใจให้ทางไม่เร่งรีบ “ไปแค่ใกล้ ๆ เราก็ไม่ประมาท” คนอื่นอาจพลาดมาชน เราต้องป้องกันตัวเอง
ศึกษาเส้นทางเพื่อให้รู้จุดเสี่ยง
- ศึกษาเส้นทางเพื่อให้รู้จุดเสี่ยง เช่น ทางโค้งหักศอก ทางโค้งลาดชัน ทางแคบ ทางชำรุด
- วางแผนการเดินทางและการพักให้ดี
- หลีกเลี่ยงสถานการณ์ “เหนื่อย ง่วง หิว หงุดหงิด ผิดเวลา”
เบอร์โทรสายด่วนที่ควรรู้ สายด่วน 1669 พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง โดยสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติร่วมกับภาคีเครือข่ายสถานพยาบาลและหน่วยบริการทั้งภาครัฐและเอกชนให้บริการการส่งต่อผู้บาดเจ็บผู้ป่วยฉุกเฉินและ สายด่วน 1724 ศูนย์เคลื่อนย้ายผู้ป่วย บีดีเอ็มเอส BDMS Medevac Center
ขอบคุณข้อมูลสุขภาพจาก ศูนย์อุบัติเหตุ โรงพยาบาลกรุงเทพ