เตือน “สังคมก้มหน้า” เล่นมือถือเป็นเวลานาน เสี่ยงเกิดอาการเจ็บป่วยใด น่ากังวลแค่ไหน
เตือนภัย“สังคมก้มหน้า” เล่นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ ผิดท่าเป็นระยะเวลานาน เสี่ยงเกิดอาการเจ็บป่วยใด น่ากังวลมากน้อยแค่ไหน
ในยุคปัจจุบันสังคมออนไลน์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ทำให้การใช้งานสมาร์ทโฟน (Smartphone), แท็บเล็ต(Tablet) หรือ คอมพิวเตอร์ (Computer) เพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
จากในอดีตที่มีการใช้เพียงเพื่อโทรศัพท์หรือเช็กอีเมลก็มีการเพิ่มระยะเวลาในการใช้งานนานมากขึ้น บางคนใช้งานเกือบตลอดเวลา ตั้งแต่เช้าถึงกลางคืน มิหนำซ้ำยังวางไว้ข้างตัวขณะเวลานอนหลับอีกด้วย จนเกือบเป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะในร่างกายที่ขาดไม่ได้
ก้มหน้าเล่น “มือถือ” เป็นเวลานาน เสี่ยง “ออฟฟิศซินโดรม”
การใช้งานสมาร์ทโฟนที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลกระทบโดยตรงกับระบบประสาทและกระดูกต้นคอ เมื่อใช้ในท่าทางที่ไม่เหมาะสมเป็นระยะเวลานาน สามารถทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยตามมาได้ อาการผิดปกติที่พบได้บ่อยในกลุ่มคนสังคมก้มหน้า คือ อาการปวดศีรษะ
“ปวดศีรษะ” ภัยร้ายจากการเล่นมือถือมากเกินไป
อาการปวดศีรษะเป็นอาการที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย เกิดจากสาเหตุที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นจากความไวที่มากกว่าปกติของระบบประสาทเอง ซึ่งทำให้เกิดโรคปวดศีรษะไมเกรน หรือจากความผิดปกติอื่น ๆ เช่น เนื้องอกในสมอง, เส้นเลือดในสมองแตก, ความดันในสมองผิดปกติ, ยาหรือสารเคมีบางชนิด เป็นต้น
การใช้งานสมาร์ทโฟน หรือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ที่มากเกินไปหรือใช้งานอย่างไม่ถูกท่านั้นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้เช่นกัน
“ปวดศีรษะ”แบบไหนที่พบบ่อย ในกลุ่มสังคมก้มหน้า
การก้มหน้าใช้งานเป็นเวลานานจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอเกิดอาการเมื่อยล้าหรือเกิดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อขึ้นมาเป็นก้อน อาการปวดที่กล้ามเนื้อคอนี้อาจส่งความปวดไปยังส่วนอื่นที่ใกล้เคียง เช่น ท้ายทอย, บริเวณขมับ, รอบกระบอกตา, หรือหน้าผากได้
โรคนี้เป็นโรคที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ หรือ ใช้สมาร์ทโฟนอย่างไม่เหมาะสม ซึ่งจะรู้จักกันดีในชื่อ “กลุ่มอาการปวดจากกล้ามเนื้อเกร็ง” หรือ Myofascial pain syndrome (MFS)
การก้มหน้าเป็นระยะเวลานานนั้น ยังส่งผลต่อกระดูกต้นคอ ทำให้กระดูกต้นคอเกิดการรับน้ำหนักมากกว่าปกติถึง 6 เท่า เกิดภาวะกระดูกคอเสื่อมก่อนวัย หรืออาจถึงขั้นหมอนรองกระดูกปลิ้นออกมาทับเส้นประสาทได้
การเกิดกระดูกต้นคอเสื่อมนั้นถ้าไปกดทับเส้นประสาทสมองระดับที่ 1 – 4 (Cervical nerve root level 1-4) ก็อาจเกิดอาการปวดศีรษะที่บริเวณท้ายทอย, ด้านข้างศีรษะ, ขมับ, กระบอกตา, หน้าผาก รวมถึงกลางกระหม่อมได้ ซึ่งทางการแพทย์จะเรียกว่าโรคนี้ว่า “โรคปวดศีรษะจากความผิดปกติของคอ” หรือ Cervicogenic headache
นอกจากนี้ขณะที่เราใช้งานสมาร์ทโฟน หรือ คอมพิวเตอร์นั้น แสงที่ออกมาจากหน้าจอหรือแสงสะท้อนจากหน้าจอยังสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรนแบบเฉียบพลันขึ้น ในกลุ่มคนที่เป็นโรคไมเกรนอยู่แล้ว รวมทั้งกล้ามเนื้อที่มีอาการเกร็งปวดบริเวณคอและศีรษะ ยังสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรนแบบรุนแรงเฉียบพลันได้อีกด้วย
“ปวดศีรษะ” อาจรุนแรงถึงขั้นผ่าตัดได้
จากที่ได้กล่าวมาข้างต้นจะเห็นว่าสังคมก้มหน้านั้น ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้หลายชนิด ซึ่งบางชนิดอาจเป็นรุนแรงจนถึงขึ้นต้องรักษาโดยการผ่าตัด
ดังนั้นการใช้งานสมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์อย่างเหมาะสม จะเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดศีรษะได้ แต่ในกรณีที่มีอาการปวดศีรษะจากการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แล้ว อาจพิจารณาพบแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลกรุงเทพ
หมอเตือน เด็กเล็กติดจอ “มือถือ-แท็บเล็ต” เสี่ยงพัฒนาการช้า
ระวัง! ใช้สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์นานเกิน 9 ชั่วโมง อาจเกิดภาวะโรคสายตาสั้นเทียม