ต้นตอฝุ่นPM2.5 กระทบหนักสุขภาพ เปิดข้อมูลช่วงเดือนฝุ่นปกคลุมทั่วประเทศ
Particulate Matters หรือ pm 2.5 เป็นคำเรียกค่ามาตรฐานของฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เปิดต้นตอสำคัญก่อฝุ่น แพทย์แนะวิธีดูแลสุขภาพช่วงฝุ่นปกคลุมไม่ให้ป่วยเรื้อรัง
Particulate Matters หรือ pm 2.5 เป็นคำเรียกค่ามาตรฐานของฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ส่วนตัวเลข 2.5 นั้นมาจากหน่วย 2.5 ไมครอน ซึ่งฝุ่นจิ๋วนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมครอน มีขนาดเล็กเทียบเท่า 1 ใน 25 ส่วนของเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผม และจะกระจายอยู่ในอากาศได้นานกว่าฝุ่นละอองขนาดใหญ่ โดยเฉพาะฝุ่น pm 2.5 สามารถลอยอยู่ในอากาศได้เป็นระยะเวลานานและไกลถึง 1,000 กิโลเมตร มีขนาดเล็กมากที่ขนจมูกของเราไม่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กนั้นได้
จนสามารถสูดเข้าไปโดยผ่านทางเดินหายใจส่วนต้นจนไปยังทางเดินหายใจส่วนปลาย เมื่อเข้าถึงถุงลมแล้วมีโอกาสทะลุเข้าถึงกระแสโลหิต และจะเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหากับอวัยวะภายในส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้เช่นกัน
สาเหตุของ PM 2.5
ทุกวันนี้ปัญหาเรื่องpm 2.5 คือสิ่งที่ประชาชนต้องเผชิญอย่างเลี่ยงไม่ได้ คุณภาพอากาศที่เป็นอันตรายอย่างมากต่อสุขภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล หรือในต่างจังหวัดบางภูมิภาคเองก็มีระดับที่เสี่ยงเป็นอันตรายต่อสุขภาพเช่นกัน ซึ่งสาเหตุของฝุ่น pm 2.5 เกิดจากหลายสาเหตุ
- การเผาป่าและไฟป่า พบว่า 90% ของไฟป่าในประเทศไทยเกิดจากการเผาป่าโดยมนุษย์เพื่อการเก็บหาของป่า การจุดไฟให้พื้นป่าโล่งสะดวกในการเดิน การจุดเพื่อกระตุ้นการงอกและกระตุ้นการแตกใบใหม่ของพืชผัก ซึ่งการเผาป่าและไฟป่ายิ่งส่งผลให้เกิด ควันไฟ หมอก ขี้เถ้า แก๊สพิษ รวมถึงฝุ่น pm 2.5
- มลพิษ ควันจากท่อไอเสียของรถยนต์ จากข้อมูลโดยกรมควบคุมมลพิษ ด้วยการจราจรที่ติดขัดในแต่ละวัน และเครื่องยนต์ดีเซลเก่าเป็นอีกสาเหตุที่สำคัญที่สุด กระบวนการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ดีเซลทำให้เกิดเขม่า และควันดำ ซึ่งควันดำเหล่านี้ยังมีสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง และฝุ่นละอองขนาดเล็ก pm 2.5
- อุตสาหกรรม การก่อสร้าง เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ถ่านหิน และเชื้อเพลิงที่ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กระบวนการอุตสาหกรรมอย่าง การบด การโม่ การระเบิดหิน ไปจนถึงการฟุ้งกระจายของฝุ่นละอองจากก่อสร้าง ส่งผลกระทบ
- การเผาภาคเกษตร หรือการเผาในที่โล่งเป็นอีกหนึ่งในต้นตอที่สำคัญที่ทำให้เกิดฝุ่น pm 2.5 การเผาเศษวัสดุการเกษตรเพื่อลดต้นทุน เช่น การเผาอ้อย การเผาในไร่ข้าวโพดนาข้าว และไร่หมุนเวียน ถือเป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ตามปกติอากาศอุณหภูมิสูงจะเคลื่อนตัวไปยังอากาศอุณหภูมิต่ำ และจะพัดพาเอาฝุ่นละออง ควัน มลพิษต่าง ๆ ลอยขึ้นไปบนฟ้า แต่อากาศเย็นในฤดูหนาวจะเป็นช่วงที่ความกดอากาศสูงจากทางตอนเหนือของประเทศเคลื่อนตัวลงมาปกคลุมพื้นที่ของประเทศไทยทำให้เกิดลักษณะของ อากาศปิด ฝุ่นpm 2.5 ควันต่าง ๆ ไม่สามารถลอยขึ้นไปได้และไหลย้อนลงสู่พื้นดินจนสะสมมากขึ้นบวกกับสภาพอากาศไม่ถ่ายเทอีกด้วย จึงเป็นที่มาให้เราต้องสูดดมฝุ่นควันเหล่านี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งpm 2.5 มักเกิดขึ้นในช่วงต้นปีและปลายปี
- กรุงเทพมหานคร พบว่าสถานการณ์ฝุ่นจะรุนแรงเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวในเดือนธันวาคม - มีนาคมจึงมักเกิดฝุ่นในช่วงเดือนนี้ ช่วงเวลานี้อากาศนิ่งกว่าช่วงอื่น ๆ
- ภาคกลาง พบว่าสถานการณ์ฝุ่นจะรุนแรงช่วงเดือนมกราคม – เมษายน ได้รับผลกระทบจากฝุ่นข้ามพรมแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน และการเผาภาคเกษตร
- ภาคตะวันตกและตะวันออก พบว่าสถานการณ์ฝุ่นจะรุนแรงในช่วงเดือนพฤศจิกายน – มีนาคม เป็นระยะที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวนาข้าว พืชผลทางการเกษตร และจะเริ่มทำการเผาเพื่อปรับปรุงพื้นที่เตรียมเพาะปลูกรอบใหม่
- ภาคเหนือ พบว่าสถานการณ์ฝุ่นจะรุนแรงโดยเฉพาะช่วงเดือนธันวาคม – พฤษภาคม ภาคเหนือเป็นพื้นที่ราบที่มีภูเขาล้อมรอบ ลักษณะเหมือนแอ่งกระทะ ช่วงเดือนดังกล่าวเป็นช่วงที่สภาพอากาศนิ่งและแห้ง ไร้ลมพัด มีความกดอากาศสูงเกิดไฟป่าง่าย รวมถึงมักมีการเผาภาคการเกษตรในช่วงนั้น
- ภาคใต้ พบว่าสถานการณ์ฝุ่นจะรุนแรงในช่วงเดือนสิงหาคม – ตุลาคม ซึ่งมาจากช่วงอุณหภูมิอากาศสูง และความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ รวมถึงฝุ่นควันจากประเทศเพื่อนบ้านที่พัดเข้ามา
ผลกระทบต่อสุขภาพของ PM 2.5
pm 2.5 คือ ฝุ่นขนาดเล็กที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เราจะไม่มีทางรู้เลยว่าเราได้สูด ฝุ่นpm 2.5 เข้าไปเป็นจำนวนมากเท่าไรแล้ว จนจะรู้ตัวอีกทีก็เมื่อเกิดอาการผิดปกติของร่างกาย สามารถเช็ก อาการแพ้ฝุ่น pm 2.5 และทางเราได้รวบรวมผลกระทบต่อสุขภาพของpm 2.5ไว้ ดังนี้
- ระบบทางเดินหายใจ เมื่อเราสูดหายใจเอาpm 2.5 เข้าไปจะก่อให้เกิดการไอ ระคายเคือง แสบจมูก หอบหืด หายใจลำบาก ในบางรายฝุ่น pm 2.5จะกระตุ้นอาการกำเริบของโรคได้ เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง และอาจทำให้การทำงานของปอดเสื่อมลง
- ระบบผิวหนัง ฝุ่น pm 2.5สามารถทำลายเซลล์ผิวหนังกำพร้าของมนุษย์ ก่อให้เกิดการคันตามร่างกายและปวดแสบทั้งตัว ระคายเคืองผิวหนัง ผดผื่นขึ้นตามตัว ไปจนถึงก่อให้เกิดสิวที่ใบหน้า
- ดวงตา เยื่อบุตาเป็นส่วนที่สัมผัสกับปัจจัยภายนอกโดยตรง ทั้งมลพิษและฝุ่น pm 2.5ที่จะส่งผลให้เกิดการระคายเคืองที่ตา ตาแห้ง ตาแดง เยื่อบุตาอักเสบ ในระยะยาวอาจทำให้จอประสาทตาผิดปกติ ส่งผลต่อการมองเห็นได้
ออกกำลังกายกลางฝุ่น PM2.5 สูง เพิ่มความเสี่ยงภาวะหัวใจวาย-หอบหืดกำเริบ
ดูแลร่างกายจาก PM 2.5
ปัญหาpm 2.5 คือ หนึ่งสิ่งที่เราไม่สามารถที่จะควบคุมหรือหลีกเลี่ยงได้ เมื่อทุกคนต้องออกไปทำงาน ออกไปเที่ยว หรือแม้จะไม่ได้ออกไปไหนก็ตามการอยู่แต่ในบ้านก็ยังไม่อาจหนีพ้นฝุ่น pm 2.5 นี้ไปได้ เนื่องจากฝุ่นที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่าสามารถฟุ้งกระจายและเล็ดลอดได้ทุกหนทุกแห่งตามอากาศ
การดูแลร่างกายถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนสามารถทำได้ ทั้งการในหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการสูดฝุ่นโดยตรง หรือการสวมใส่เสื้อผ้าแขนยาวขายาว ปิดร่างกายมิดชิดจนฝุ่นpm 2.5 คือไม่สามารถทะลุเข้าสู่ผิวหนังเราได้ แต่อีกวิธีที่สำคัญไม่แพ้กันคือการตรวจสุขภาพและการรับวัคซีนป้องกันปอดอันเสบ ซึ่งมีด้วยกัน 2 ชนิดคือ Prevnar 13 ป้องกันเชื้อ IPD ได้ 13 สายพันธุ์ และ Pneumo 23 ป้องกันได้ถึง 23 สายพันธุ์ เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ 50 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีโรคระจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต โรคปอด โรคหอบหืด และผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ หากใครที่กังวลว่าผู้สูงอายุในครอบครัวอาจมีโอกาสเสี่ยงปอดอักเสบจากpm 2.5 การฉีดวัคซีนก็เป็นทางเลือกการป้องกันที่ดีเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลสมิติเวช
หมอแอร์เปิดงานวิจัย ฝุ่น PM2.5 กระตุ้นหลายโรคและมะเร็ง ทำอายุขัยสั้นลง
สธ.เตรียมสถานพยาบาลคลินิกมลพิษและช่องทางออนไลน์รับมือ ฝุ่น PM 2.5