รู้ชัดการปลูกฝีในไทย "อดีต - ปัจจุบัน" ใช้ป้องกันโรคอะไรบ้าง
เผยความรู้เกี่ยวกับโรคฝีดาษและการปลูกฝีเพื่อป้องกันดรคทั้งในอดีตและปัจจุบัน
จากกรณีการระบาดของโรค “ฝีดาษลิง (Monkeypox)” กำลังเป็นที่จับตามองของผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขทั่วโลก เนื่องจากขณะนี้พลการระบาดแล้วใน 15 ประเทศทั่วโลก มีผู้ป่วยราว 100 ราย ทำให้เกิดความตื่นกลัว หลายประเทศเริ่มมีมาตรการป้องกันและรับมือนั้น
โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxviridae จัดอยู่ในจีนัส Orthopoxvirus เช่นเดียวกับไวรัสอีกหลายชนิด ได้แก่ ไวรัสที่ทำให้เกิดฝีดาษในคนหรือไข้ทรพิษ (variola virus)
"โรคฝีดาษลิง" คืออะไร เผยอาการ วิธีการติดต่อ และการป้องกัน
ที่ปรึกษาอนามัยโลกคาด “ฝีดาษลิง” อาจระบาดหนักเพราะ “เพศสัมพันธ์”
การระบาดของโรคฝีดาษ
โรคฝีดาษ ได้ถูกกำจัดหมดสิ้นไปจากโลกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 อย่างไรก็ตาม ในห้องปฏิบัติการบางแห่งยังคงเก็บรักษาเชื้อนี้ไว้เพื่อการศึกษาวิจัย
สำหรับโรคไข้ทรพิษในไทย ปรากฎมาตั้งแต่ครั้งพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ช่วงปี พ.ศ. 2460 - 2504 และมีไข้ทรพิษเกิดขึ้นทุกปี ช่วงปี พ.ศ. 2488 - 2489 และมีการระบาดครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2504 - 2505 จนกระทั่งปี พ.ศ. 2523 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่าไข้ทรพิษได้ถูกกวาดล้างแล้ว จึงหยุดการปลูกฝีป้องกันโรคนับแต่นั้นมา
ขณะที่ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ความรู้ว่า ประเทศไทยแต่เดิมปลูกฝีให้กับทุกคน โดยเฉพาะตั้งแต่แรกเกิด และโรคนี้สามารถควบคุมได้ และหมดไป จึงเลิกการปลูกฝีในประเทศไทย ประมาณปี พศ 2517 เป็นต้นมา และองค์การอนามัยโลกประกาศว่าฝีดาษหมดไปในปี พ.ศ 2523 ทั่วโลกจึงเลิกปลูกฝีตั้งแต่นั้นมา โดยประชากรไทยที่เกิดก่อนปี 2517 เกือบทุกคนมีการปลูกฝี หรือสังเกตได้จากการมีแผลเป็นของการปลูกฝี เป็นแผลเป็นที่แบนราบ ซึ่งสามารถป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ 85%
วัคซีนไข้ทรพิษ ป้องกัน "ฝีดาษลิง" หมอไขข้อสงสัยมีฤทธิ์นานเท่าใด?
องค์การอนามัยโลกยืนยันจะควบคุมการระบาดของ “ฝีดาษลิง” ได้
การปลูกฝีในไทย
การปลูกฝี เป็นหนึ่งในวัคซีนที่เด็กแรกเกิดของไทยทุกคนต้องได้รับ โดยวัคซีนชนิดนี้มีชื่อว่า BCG (Bacillus Calmette-Guérin) vaccine ซึ่งจะฉีดลงใต้ผิวหนังเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ วัณโรคชนิดลุกลาม โดยเฉพาะการลุกลามไปยังสมอง ตำแหน่งที่ฉีดกันจนเป็นประจำไปแล้วก็คือ ไหล่ซ้าย โดยมักทิ้งเป็นแผลเป็นในบริเวณที่ฉีด จึงกลายเป็นที่มาของคำว่าปลูกฝี เพราะมีแผลเป็นที่เกิดจากการฉีดวัคซีนนั่นเอง
การปลูกฝีป้องกันฝีดาษในปัจจุบัน
นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ชี้แจงว่า ตอนนี้ยังไม่ต้องปลูกฝีป้องกันฝีดาษใหม่ เนื่องจากตอนนี้ทั่วโลกไม่มีวัคซีน โรคไข้ทรพิษหรือโรคฝีดาษ (smallpox) มากเหมือนอดีต เพราะเป็นโรคที่ถูกกวาดล้างไปหมดแล้ว จะมีเพียงบางประเทศที่ยังเก็บวัคซีนนี้ไว้ ส่วนประเทศไทยไม่มี กำลังประสานงานหาวัคซีนมีประเทศใดเก็บไว้บ้าง หรือถ้าจะผลิตเพิ่มต้องดูว่ามีบริษัทใดจะผลิตเพิ่มได้บ้างเพราะคงต้องใช้เชื้อ ซึ่งเชื้อ smallpox เดิมมีแค่ 2 ประเทศที่เก็บไว้ คือ สหรัฐอเมริกาและรัสเซีย แต่ก็สามารถจำลองสายพันธุ์ออกมาทำวัคซีนได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ตัวจริงทั้งนี้ คนไทยที่เกิดก่อนปี 2523 จะได้รับการปลูกฝีป้องกันฝีดาษ (smallpox) ทุกคนแต่ที่เกิดหลังจากปี 2523 จะไม่ได้รับวัคซีนนี้เพราะโรคฝีดาษถูกกวาดล้างไปหมดแล้ว
วัคซีนไข้ทรพิษ ป้องกัน "ฝีดาษลิง" หมอไขข้อสงสัยมีฤทธิ์นานเท่าใด?
ที่ปรึกษาอนามัยโลกคาด “ฝีดาษลิง” อาจระบาดหนักเพราะ “เพศสัมพันธ์”
การป้องกันตนเองจากโรคฝีดาษ
1) หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อหรือสัตว์ป่า
2) หลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ
3) หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำหรือเจลแอลกอฮอล์เมื่อสัมผัสกับสัตว์หรือคนที่ติดเชื้อ หรือเดินทางเข้าไปในป่า
4) ไม่นำสัตว์ป่ามาเลี้ยงหรือนำเข้าสัตว์จากต่างประเทศโดยไม่มีการ คัดกรองโรค
5) กรณีมีการเดินทางกลับจากประเทศที่เป็นเขตติดโรค ต้องทำการคัดกรองและเฝ้าระวังอาการจนครบ 21 วัน หากมีอาการเจ็บป่วยให้รีบไปพบแพทย์ทันที และทำการแยกกักเพื่อมิให้ผู้ป่วยมีการแพร่กระจายเชื้อ
ขอบคุณข้อมุลสุขภาพจาก สํานักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค, เลี้ยงลูกตามใจหมอ, กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค, Yong Poovorawan