เลี้ยง "ลูกน้อย" ให้อยู่หน้าจอ อาจก่อปัญหาหลายด้าน
พ่อแม่ในยุคดิจิตอลมักปล่อยให้ลูกเพลินกับมือถือ จนลืมคำนึงผลเสียที่อาจตามมาหลายข้อ
โลกในปัจจุบันถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีมากมาย โดยเฉพาะรูปแบบการสื่อสารที่เปลี่ยนไปกว่าแต่ก่อนมาก เทคโนโลยีต่างๆ ได้ถูกนำมาใช้เป็นพี่เลี้ยงเด็กในหลายเวลา แทนที่จะมีการสื่อสารหรือทำกิจกรรมต่างๆ กับผู้ใกล้ชิด กลับกลายเป็นให้เด็กสื่อสารกับวัตถุ เช่น การเปิดทีวีทิ้งไว้ เล่นคอมพิวเตอร์ ให้เล่นโทรศัพท์มือถือ เล่นเทบเลต ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ย่อมส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก
6 โรคยอดฮิต "เด็ก" เสี่ยงเป็นมากที่สุดในหน้าฝน
ผู้ปกครองสังเกตให้ดี ลูกเป็น “ไข้หวัด” หรือ “ไข้หวัดใหญ่” กันแน่
ในความเป็นจริงแล้ว เด็กๆ นั้นยังต้องการการสื่อสารที่แสดงถึงการได้รับความรักความเอาใจใส่จากพ่อและแม่ ไม่ต่างอะไรกับเด็กทุกยุคทุกสมัย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทดแทนไม่ได้ด้วยการอยู่กับโลกดิจิตอล
เลี้ยงลูกด้วยหน้าจอ ได้หรือไม่?
การดูหน้าจอดูทีวี หรือจออะไรก็ตาม มีคำแนะนำที่เหมาะสมสำหรับเด็กไว้ ดังนี้
- เด็กแรกเกิดถึง 2 ปี ควรเลี่ยงหน้าจอทุกชนิด เพราะว่าเป็นการสื่อสารทางเดียว
- เด็กอายุ 2-5 ปี ควรดูสื่อที่มีประโยชน์ร่วมกับผู้ปกครอง แต่ไม่เกินวันละ 1 ชั่วโมง
เปิดเทอม On-site ห่างไกลโควิด-19 แนะวิธีตรวจ ATK เด็ก
เปิดเทอมนี้ กรมอนามัย หนุน เด็กวัยเรียนกินมื้อเช้าครบ 5 หมู่
ผลเสียที่จะเกิดขึ้นเมื่อเลี้ยงลูกด้วยหน้าจอ
- อันดับแรก เด็กอาจมีปัญหาด้านพัฒนาการทางภาษา ลูกอาจจะพูดช้า เพราะการดูหน้าจอมักเป็นการดูภาพเคลื่อนไหวที่เคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นการสื่อสารทางเดียว
- ลำดับถัดมาคือ ส่งผลเสียทางด้านสายตา จะทำให้ตาของลูกแห้ง ตามมาด้วยผลเสียทางด้านพฤติกรรม จะทำให้ลูกก้าวร้าว มีการต่อต้าน มีปัญหาเรื่องสมาธิสั้น และมีผลเสียต่อการนอน เด็กที่ดูหน้าจอนานๆ จะทำให้หลับยากขึ้นเพราะได้รับผลกระทบจากแสงสีฟ้า เวลาและคุณภาพการนอนก็จะลดลง ส่งผลต่อภาวะอารมณ์และการจดจำ เป็นต้น
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ คุณพ่อคุณแม่จึงควรให้เวลาอยู่กับลูกน้อยมากขึ้น และพยายามสื่อสาร พูดคุย โอบกอด ดูแลสุขภาพและติดตามพัฒนาการของลูกอย่างใกล้ชิด
ขอบคุณข้อมูลสุขภาพจาก โรงพยาบาลเปาโล