หลักการกินอาหาร ช่วยต้าน “นิ่วในถุงน้ำดี” ภัยเงียบที่หลายคนมองข้าม
นิ่วในถุงน้ำดี เป็นโรคที่สามารถรักษาหายได้ แต่การป้องกันไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ย่อมดีกว่า ด้วยวิธีแสนง่ายคือการปรับการกินอาหาร
นิ่วในถุงน้ำดี โรคที่มักถูกมองว่าไม่รุนแรงและสามารถรักษาได้ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า? หากเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นจากการที่ก้อนนิ่วหลุดเข้าไปในท่อน้ำดีหรือท่อตับอ่อนแล้ว อาจอันตรายถึงชีวิต!
เราสามารถลดความเสี่ยงและป้องกันการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้ ด้วยการเลือกรับประทาน “อาหาร” ที่เหมาะสม และนี่คือ... หลักการกินอาหารที่ช่วยต้าน “นิ่วในถุงน้ำดี” ภัยเงียบที่หลายคนมองข้าม
กินเก่ง อายุน้อย หนักเกือบร้อย ระวัง "โรคนิ่วในถุงน้ำดี"
ปวดท้องอย่าชะล่าใจ หลอดเลือดแดงใหญ่อาจ "ปริ แตก" อันตรายถึงชีวิต
ปัจจัยเพิ่มความเสี่ยง “นิ่วในถุงน้ำดี” มีอะไรบ้าง?
- พันธุกรรม หากคนในครอบครัวมีประวัติเป็นนิ่วในถุงน้ำดี โอกาสเสี่ยงจะเพิ่มขึ้น
- ภาวะอ้วน เพราะความอ้วนคือตัวการที่ทำให้ปริมาณคอเลสเตอรอลในน้ำดีเพิ่มขึ้น
- โรคเบาหวาน ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีแนวโน้มระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น และน้ำดีจะลดการบีบตัวลงเมื่อเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี
- การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว เพราะทำให้ตับหลั่งคอเลสเตอรอลมากขึ้น รวมทั้งถุงน้ำดีบีบตัวน้อยลง การตกตะกอนกลายเป็นก้อนนิ่วจึงมีโอกาสเพิ่มมากขึ้น
- อาหาร ผู้ที่นิยมทานอาหารประเภทไขมันสูง และไม่ค่อยทานอาหารกากใยสูง คนกลุ่มนี้จะมีโอกาสเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้มากกว่า
ปรับวิถีการ(เลือก)กิน เพื่อลดเสี่ยงนิ่วในถุงน้ำดี
- เลือกทานอาหารจำพวกแป้งไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต
- เพิ่มปริมาณของผักและผลไม้ให้เพียงพอในแต่ละวัน
- เลือกทานเมล็ดธัญพืชต่างๆ ถั่วประเภทที่มีใยอาหารชนิดละลายน้ำ
- หลีกเลี่ยงอาหารประเภททอด หรืออาหารที่มีไขมันสูง
- เลือกทานเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมันและย่อยง่าย เช่น เนื้อไก่ เนื้อปลา
แม้ผ่าตัดถุงน้ำดีออกแล้ว “อาหาร” ก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเลือก
เพราะตับจะทำหน้าที่ขับน้ำดีออกมาและถูกเก็บไว้ในถุงน้ำดี เพื่อช่วยในการย่อยอาหารประเภทไขมัน เมื่อผู้ป่วยผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกไปแล้ว การปล่อยน้ำดีจะส่งผลให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บปวด ไม่สบายท้อง ท้องเสีย โดยเฉพาะหลังมื้ออาหารที่มีอาหารประเภทไขมันสูง ดังนั้น หลักการกินอาหารสำหรับผู้ที่ผ่าตัดถุงน้ำดีออกไปแล้ว คือควรกินโดยแบ่งการกินออกเป็นมื้อเล็กๆ เพื่อให้ปริมาณน้ำดีที่ขับออกมาเหมาะสมกับปริมาณอาหาร และเน้นกินอาหารประเภทธัญพืช ผัก ผลไม้ โปรตีนที่ไม่ติดมัน หรือมีไขมันเพียงเล็กน้อย เช่น เนื้อไก่ เนื้อปลา พร้อมทั้งเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน อย่าง ชา กาแฟ และน้ำอัดลม
หันมาปรับพฤติกรรมการกิน เพื่อป้องกันการเกิดโรคนิ่วในถุงน้ำดีก่อนสาย เพราะโรคนี้ไม่ใช่แค่สร้างความเจ็บปวด แต่หากเกิดภาวะแทรกซ้อน โรคนิ่วในถุงน้ำดีก็จะทวีความรุนแรงถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือด และอาจทำให้เสียชีวิตได้!
ขอบคุณข้อมูลสุขภาพจาก โรงพยาบาลเปาโล โชคชัย 4