โปรตีนถั่วเหลือง กินทุกวันลดเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจต้านไขมันเลว
รู้หรือไม่? กินถั่วเหลืองวันละ 25 กรัม ทุกวันทำให้สุขภาพดีขึ้น ต้านมะเร็ง ลดโรคเรื้อรัง ลดอาการวัยทอง แล้วถั่วเหลือง 25 กรัม ปริมาณเท่าไหร่บ้าง?
ถั่วเหลืองนอกจากโปรตีนสูงยังมีสารที่สำคัญ คือ ไอโซฟลาโวน (Isoflavone) ซึ่งมีประโยชน์ ได้แก่ ช่วยบรรเทาอาการร้อนวูบวาบ อารมร์หงุดหงิดง่ายช่วงวัยทอง ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันซึ่งเป็นสาเหตุนำไปสู่ภาวะหัวใจวาย
สารอาหารหลักในถั่วเหลืองประกอบไปด้วยโปรตีนสูงถึงร้อยละ 35 ซึ่งมีปริมาณมากกว่าถั่วชนิดอื่นโดยเฉลี่ย1.5-2 เท่า (เมื่อเปรียบเทียบกับถั่วลิสง ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ)

คาร์โบไฮเดรตร้อยละ 45 และไขมันร้อยละ 20 โดยส่วนใหญ่เป็นกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวที่ดีต่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังประกอบด้วยใยอาหาร วิตามินบีรวม แร่ธาตุต่างๆ เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัสและธาตุเหล็กซึ่งเป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการทุกวันอีกด้วย
นอกจากนี้สารกลุ่มไอโซฟลาโวน ยังจัดเป็นสารจากพืชที่มีฤทธิ์คล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจน (phytoestrogen) ฮอร์โมนที่มีหน้าที่สำคัญในการควบคุมการทำงานของระบบสืบพันธุ์เพศหญิง สำหรับงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์มีข้อมูลระบุว่าการบริโภคถั่วเหลืองมีผลช่วยลดอาการร้อนวูบวาบ (hot flashes) ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่มีระดับฮอร์โมนลดลงตามวัย
สำหรับงานวิจัยเกี่ยวกับประโยชน์ของถั่วเหลืองต่อโรคมะเร็ง มีข้อมูลระบุว่าการบริโภคถั่วเหลืองมีผลช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านม และลดการแบ่งตัวของจำนวนเซลล์มะเร็งเต้านมได้ แต่ก็มีบางงานวิจัยระบุว่าถั่วเหลืองมีผลเพิ่มความรุนแรงของมะเร็งได้เช่นกัน
ทางองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาจึงให้คำแนะนำว่าการบริโภคโปรตีนจากถั่วเหลือง 25 กรัมต่อวัน จะมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ ซึ่งพบว่าจากหลายงานวิจัยรายงานไปทางเดียวกันว่าการรับประทานโปรตีนถั่วเหลืองวันละ 25 กรัมต่อวัน สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลตัวไม่ดี (LDL-C) ได้ 4-6% และลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดได้ 5%
โปรตีนถั่วเหลือง 25 กรัมเท่ากับอะไรบ้าง?
- ถั่วเหลืองดิบ ½ ถ้วยตวง
- นมถั่วเหลืองสูตรเข้มข้น 3-4 ถ้วยตวง
- เต้าหู้แข็ง 1½ ถ้วยตวง
- เทมเป้ ¾ ถ้วยตวง
อย่างไรก็ตามการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์หลากหลายชนิดในปริมาณที่เหมาะสม ควบคู่กับการออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และไม่เครียด ก็เป็นวิธีปฏิบัติที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรง ลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ ได้
ขอบคุณข้อมูลจาก :มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยฯ และ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล