อาหารและวิตามิน บำรุงหลังหายจากโควิด-19 ช่วยฟื้นฟูและเสริมภูมิคุ้มกัน
เปิดแหล่งอาหารและวิตามินเสริม ช่วยบำรุงสุขภาพหลังหายจากโควิด-19 เสริมภูมิคุ้มกัน สร้างภูมิต้านทาน ฟื้นฟูร่างกายให้กลับมามีประสิทธิภาพดังเดิม
หลังจากติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ถึงแม้จะหายดี ไม่พบเชื้อไวรัสหลงเหลือในร่างกายแล้ว แต่หลายคนกลับมีสภาพร่างกายเปลี่ยนไป เหนื่อยง่ายขึ้น สมาธิ ไอเรื้อรัง หรืออาการอื่นๆ ที่เข้าข่ายภาวะลองโควิด (Long COVID) อาการเหล่านี้ สามารถรักษาได้ด้วยการกินวิตามินหลังติดโควิดเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรงดังเดิม จากการวิจัยพบว่า หลังติดเชื้อโควิด-19 ผู้ป่วย 30-50% พบอาการลองโควิด โดยผู้ป่วยส่วนมากที่มีภาวะลองโควิดคือผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ผู้ป่วยที่เชื้อลงปอด หรือมีโรคประจำตัวเรื้อรัง

โดยจะมีอาการดังเช่น ปวดหัว เวียนศรีษะ ใจสั่น หายใจไม่อิ่ม จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรสเหนื่อยง่าย เป็นต้น หนึ่งในทางเลือกรักษาอาการดังกล่าวคือการกินอาหารเสริมหลังเป็นโควิด วิตามินเสริมภูมิคุ้มกันโควิด เพราะวิตามินหลังโควิดจะช่วยฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรง เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย ฟื้นฟูร่างกายให้กลับมามีประสิทธิภาพดังเดิม
หลังติดโควิด ควรกินอะไรบ้าง
- โปรตีน พบในเนื้อสัตว์จำพวก หมู เนื้อ ไก่ ไข่ และนม และโปรตีนตีนจากพืชเช่น ถั่วต่างๆ โปรตีนประกอบไปด้วยกรดอะมิโนที่ช่วยให้ผิวหนัง กระดูก และกล้ามเนื้อแข็งแรง ในแต่ละวันควรรับประทานโปรตีนให้ถึงปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน เพื่อช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับเชื้อโรค ฟื้นฟูให้ร่างกายกลับมาแข็งแรง
- โพรไบโอติกส์ จุลินทรีย์ขนาดเล็กชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในร่างกายมนุษย์ ช่วยในการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ช่วยดูดซึมอาหาร ป้องกันโรค ทั้งยังจะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย หลังทานฟ้าทะลายโจรในขณะรักษาตัวจนหายแล้ว ควรกินโพรไบโอติกส์เพื่อบำรุงร่างกาย
- วิตามินชนิดต่างๆ เป็นยาบำรุงหลังติดโควิดตัวหนึ่ง เพราะมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรงหลังจากติดเชื้อโควิด-19 วิตามินเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ส่งเสริมกระตุ้นการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาว ช่วยในการต่อสู้กับทั้งแบคทีเรียและไวรัสในร่างกาย
- วิตามินเอ (Vitamin A) พบมากในเครื่องในสัตว์ ไข่แดง นมรวมถึงผลิตภัณฑ์จากนม ผักใบเขียวเข้ม รวมถึงผักและผลไม้ที่มีสีเหลืองและส้ม เช่น แครอท ฟักทอง มะละกอ วิตามินช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย สร้างเนื้อเยื่อผิวหนัง ป้องกันการติดเชื้อ ลดโอกาสเกิดโรคต่างๆ
- วิตามินซี (Vitamin C) พบมากในผักและผลไม้สด เช่น ฝรั่ง ส้ม มะนาว มะเขือเทศ วิตามินซีมีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยต้านโรคต่างๆ ได้ วิตามินซียังมีส่วนช่วยในการทำงานของเม็ดเลือดขาว และช่วยในกระบวนการทำลายเชื้อโรค รวมถึงกระบวนการจับกินเชื้อโรค ทำให้ร่างกายแข็งแรง
- วิตามินดี (Vitamin D) สามารถพบวิตามินดีได้ในอาหารจำพวกปลาต่างๆ เช่น ปลานิล ปลาทับทิม รวมถึงในไข่แดง ตับ นม ชีส ไข่แดง วิตามินดีช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสสู่ร่างกาย นอกจากนี้ วิตามินดียังช่วยกระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกันในร่างกาย เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดขาว ลดอาการอักเสบ
- วิตามินอี (Vitamin E) พบได้ในไข่ ผัก และผลไม้ต่างๆ เช่น ถั่ว น้ำมันพืชต่างๆ น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง อะโวคาโด ผักใบเขียวปนเหลือง เป็นต้น วิตามินอีช่วยรักษาเยื่อหุ้มเซลล์ต่างๆ ช่วยบำรุงผิวและระบบประสาทของร่างกาย
- แร่ธาตุสังกะสี (Zinc) มักพบในอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อหมู ตับ อาหารทะเล เช่น หอยนางรม ปลาแซลมอน กุ้ง ปู หอย นอกจากช่วยดูแลสุขภาพผิวพรรณแล้ว สังกะสียังช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวหลายชนิด
- กรดไขมันโอเมก้า-3 (Omega-3 Fatty Acid) เช่น ปลาและอาหารทะเล น้ำมันพืชที่มีไข่มันอิ่มตัว นมวัวหรือผลิตภัณฑ์จากนม ปกติแล้วกรดไขมันโอเมก้า-3 จะช่วยเสริมสร้างทำงานของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย เช่น เซลล์ประสาทและสมอง แต่รู้หรือไม่ว่า กรดไขมันโอเมก้า-3 ยังมีส่วนช่วยในการเสริมการทำงานของเม็ดเลือดอีกด้วย
ทางเลือกในการรับวิตามินเข้าสู่ร่างกาย
- ได้รับวิตามินจากการรับประทานอาหาร
ในอาหารที่เรารับประทานจะมีวิตามินอยู่เสมอ เพราะวิตามินเป็นหนึ่งในสารอาหาร 5 หมู่ สามารถพบได้ในทั้งอาหารประเภทเนื้อสัตว์และพืช รวมถึงไขมันต่างๆ อาหารแต่ละประเภทก็จะมีวิตามินที่แตกต่างกัน จึงควรรับประทานอาหารให้หลากหลายเพื่อให้ได้วิตามินครบทุกประเภท
- การทานวิตามินในรูปแบบอาหารเสริม
ถึงแม้วิตามินจะอยู่ในสารอาหารที่เรากินในชีวิตประจำวัน แต่ในบางครั้ง อาหารที่บริโภคเข้าไปในแต่ละอาจมีวิตามินไม่เพียงพอต่อปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน หรือในบางครั้งอาหารที่เรากินอาจไม่หลากหลายพอที่จะได้รับวิตามินครบทุกชนิด จึงมีการผลิตอาหารเสริมวิตามินขึ้นมา ข้อดีคือสามารถทานได้สะดวก เติมวิตามินสู่ร่างกายได้ทันที
- การให้วิตามินทางหลอดเลือด (IV Drip)
การให้วิตามินผ่านทางหลอดเลือดดำเข้าสู่ร่างกาย ถือเป็นวิธีในการรับวิตามินเข้าสู่ร่างกายที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะสะดวกรวดเร็ว เห็นผลไว ต่างจากทางเลือกอื่นในการรับวิตามินตรงที่ร่างกายสามารถนำวิตามินมาใช้ได้ทันที ทั้งยังช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย เสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
นอกจากนี้ ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจำถือเป็นบทบาทสำคัญในการสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ออกกำลังกายฟื้นฟูร่างกาย เพิ่มการหมุนเวียนโลหิตของร่างกาย ทำให้เซลล์ได้รับออกซิเจนมากยิ่งขึ้น ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ รวมถึง หมั่นจัดการกับความเครียด หากเราสามารถรับมือกับความเครียดในชีวิตประจำวันได้ ร่างกายจะตอบสนองต่อเชื้อโรคต่างๆ ได้มากขึ้น วิธีการจัดการความเครียดสามารถทำได้โดยการหากิจกรรมที่ชอบทำในยามว่าง เช่น วาดรูป ดูหนัง ฟังเพลง ออกกำลังกาย หรือทำสมาธิ
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์