“สับปะรด” ผลไม้ช่วยย่อย กินแบบไหน ? ไม่แสบลิ้น ไม่ระคายกระเพาะ
สับปะรดอุดมด้วยวิตามิน ใยอาหาร และเอนไซม์บรอมมีเลน ช่วยย่อยอาหาร ต้านการอักเสบ ลดบวม เสริมภูมิคุ้มกัน แต่ไม่ควรกินขณะท้องว่างหรือกินสับปะรดดิบ
สับปะรด (Pineapple) เป็นไม้ล้มลุกเขตร้อน มีผลทรงกระบอก มี "ตา" ปกคลุมทั่วผล และมีใบเป็นกระจุกที่ปลายผล อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และมีเอนไซม์บรอมมีเลน (bromelain) ซึ่งเป็นสารสำคัญที่มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่น่าสนใจหลายอย่าง ปัจจุบันนอกจากการนำสับปะรดมาบริโภคในรูปแบบของผลไม้สดและใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารและขนมต่างๆ แล้ว ยังมีการนำสับปะรดมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้หลายชนิด เช่น สับปะรดกระป๋อง สับปะรดอบแห้ง สับปะรดแช่แข็ง
น้ำผลไม้ น้ำส้มสายชู ไวน์สับปะรด อุตสาห์กรรมเบียร์ อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ และการใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางมากมาย สับปะรด 100 กรัม ให้พลังงาน 50 กิโลแคลลอรี
สรรพคุณของสับปะรด
- มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ
- ลดสาเหตุการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ลดบวม
- ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก ส่วนแกนสับปะรดที่คนส่วนใหญ่มักจะไม่กิน มีเอนไซม์บรอมีเลน (BROMELIAN) ช่วยย่อยอาหาร บรรเทาอาการจุกเสียดแน่นเฟ้อได้อย่างดี ฉะนั้นควรหั่นเนื้อและแกนกลางด้วย จะได้รับประโยชน์สูงสุด
การศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาพบว่าน้ำคั้นจากสับปะรดมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอย่างอ่อน มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย ต้านการอักเสบ และยับยั้งการเกิดมะเร็ง เอนไซม์บรอมมีเลนมีฤทธิ์ย่อยโปรตีน ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน ต้านมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่ ยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด ช่วยย่อยอาหาร และมีฤทธิ์ลดอาการบวมและการอักเสบ การทดสอบทางคลินิกในผู้ป่วยที่มีอาการปวดเข่าโดยให้ผู้ป่วยรับประทานยาเม็ดที่มีเอนไซม์บรอมมีเลนขนาด 200 และ 400 มก./วัน พบว่าผู้ป่วยมีอาการปวดลดลง ปัจจุบันมีการพัฒนาเอนไซม์บรอมมีเลนเป็นยาแผนปัจจุบัน เช่น ยาช่วยย่อย และยารักษาอาการอักเสบและบวมของเนื้อเยื่อ
ข้อควรระวังในการรับประทานสับปะรด
- ไม่ควรรับประทานขณะท้องว่าง เพราะอาจจะทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร
- ไม่ควรรับประทานสับปะรดดิบ เพราะมีฤทธิ์เป็นยาถ่ายอย่างแรง ข้อแนะนำ เพื่อป้องกันอาการแสบลิ้นจากการรับประทานสับปะรด หลังจากปอกเสร็จ ควรนำสับปะรดไปแช่ในน้ำเกลืออ่อน 2-3 นาที เพื่อลดการเกิดปฏิกิริยากับอวัยวะในปาก
ทั้งนี้การบริโภคพืช ผัก ผลไม้ตามฤดูกาล นอกจากเป็น การส่งเสริมผลผลิตของเกษตรกรแล้ว เราสามารถมั่นใจได้ว่า ได้บริโภคของดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย และเป็นสมุนไพรที่ป้องกันการเกิดโรคในฤดูกาลนั้น ๆ ที่ธรรมชาติสรรค์สร้างมาเพื่อให้เกิดความสมดุล
ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล