ฝึกสมาธิช่วงกินเจ เยียวยาจิตใจและปลุกความสุขจากข้างใน
การถือศีลและทำสมาธิในช่วงกินเจ ช่วยให้จิตใจสงบ ลดความเครียด เข้าใจตัวเองมากขึ้น เป็นการเยียวยาสุขภาพจิตและสร้างสมดุลในชีวิตอย่างแท้จริง
การถือศีลช่วงกินเจ หมายถึงการละเว้นจากการกินเนื้อสัตว์และอาหารแปรรูปจากสัตว์ รวมถึงอาหารที่มีกลิ่นฉุนหรือรสจัด เพื่อรักษาศีลทั้ง 5 และรักษาจิตใจให้บริสุทธิ การปฏิบัติยังรวมถึงการงดเครื่องดื่มมึนเมา การรักษาความสะอาดทั้งร่างกายและจิตใจและการงดพูดคำหยาบคาย การทำสมาธิช่วยให้คุณหยุดนิ่งชั่วคราวเพื่อมองดูสิ่งต่าง ๆ โดยปราศจากอคติ รับรู้เรื่องราวอย่างตรงไปตรงมา ส่งผลให้จิตใจค่อย ๆ ผ่อนคลาย พร้อมเข้าสู่กระบวนการทำความเข้าใจตัวเอง และกลายเป็นจุดเริ่มต้นในการเยี่ยวยาสุขภาพจิตของคุณให้ดีขึ้นตามลำดับ
ประโยชน์ของการทำสมาธิ
- เข้าใจความหมายของชีวิต คุณเคยมีคำถามเหล่านี้กับตัวเองไหม คุณเกิดมาเพื่ออะไร ความสุขของคุณอยู่ตรงไหน คุณค่าของการมีชีวิตอยู่ คืออะไร
- มีแนวโน้มนึกถึงช่วงเวลาดี ๆ มากกว่าช่วงเวลาแย่ ๆ กลับกันหากคุณมีสติความทรงจำที่จะปรากฎขึ้น ส่วนใหญ่มักเป็นช่วงเวลาที่ดี
- เข้าใจว่าสิ่งใดสำคัญกับตัวเองจริง ๆ
- มีความสัมพันธ์อันดีกับคนรอบข้างเมื่อเราเข้าใจตัวเองเราก็จะเริ่มเข้าใจคนอื่น เมื่อเราเข้าใจคนอื่นก็จะสามารถสร้างสัมพันธ์อันดีต่อกันได้โดยง่าย
- ปรับอารมณ์ได้เร็ว แน่นอนว่าการทำสมาธิช่วยให้คุณเข้าใจตัวเอง ดังนั้นเวลาเกิดปัญหาขึ้นก็จะรู้ว่าปัญหาเหล่านั้นมีสาเหตุมาจากอะไร ควรรับมืออย่างไร
มือใหม่เริ่มต้นนั่งสมาธิอย่างไรดี
- ตัดสิ่งรบกวนทุกอย่างออกไป เช่น มือถือ คอมพิวเตอร์ ส่วนแอปพลิเคชันที่ใช้ในการสื่อสาร ควรปิดการแจ้งเตือนทุกอย่างในระหว่างที่ทำสมาธิ
- ลองจากระยะเวลาสั้น ๆ การนั่งสมาธิที่ดีไม่ได้วัดว่าคุณนั่งได้นานแค่ไหนแต่วัดตรงที่ว่าคุณได้ทำความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ในระหว่างการนั่งสมาธิได้มากแค่ไหนต่างหาก ดังนั้นสำหรับผู้เริ่มต้นไม่จำเป็นต้องนั่งนาน 1 – 2 ชั่วโมง อาจเริ่มแค่ 10 – 15 นาทีต่อวัน พอเริ่มเคยชินแล้วค่อยเพิ่มเป็น 20 – 30 นาที
- นั่งสมาธิก่อนนอน ลองเปลี่ยนจากการจมอยู่กับความคิดนั้นมาเป็นนั่งสมาธิก่อนนอนและทำความเข้าใจทีละประเด็น พอหายข้องใจแล้วสมองและจิตใจของคุณก็จะปลอดโปร่งโล่งสบาย พร้อมสำหรับการนอนหลับและเปิดรับสิ่งใหม่ในเช้าวันถัดไป
- นั่งในท่าที่สบายที่สุด หลายคนอาจเข้าใจว่าการนั่งสมาธิจำเป็นต้องนั่งขัดสมาธิ หลังตรง เอามือสองขว้างวางบนตัดแล้วหลับตา แต่ในความเป็นจริงแล้วการทำสมาธิไม่จำเป็นต้องทำท่านี้ก็ได้ แต่ควรเลือกท่านั่งที่คิดว่าตัวเองจะสบายหรือนั่งได้นานที่สุด เช่น นั่งพิงผนัง หรือนอนหลับตากำหนดลมหายใจ เป็นต้น
- อย่ากดดันตัวเองเกินไป ช่วงแรกของการนั่งสมาธิ คือ ต้องอาศัยการปรับตัวค่อนข้างมาก โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยทำมาก่อน บางคนอาจเกิดความกังวลว่าตนเองจะทำได้ไม่ดี ขอให้รู้ไว้เลยว่าเป็นเรื่องปกติ ทำไม่ได้ไม่เป็นไรครั้งหน้าเอาใหม่ กดดันไปก็เท่านั้น
คุณเหมาะกับการทำสมาธิแบบไหน
หลังจากทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางในการทำสมาธิและประโยชน์ที่ได้รับแล้ว คราวนี้มาดูกันบ้างว่าการทำสมาธิมีกี่ประเภท แต่ละประเภทเหมาะกับคุณหรือไม่
- ทำสมาธิแบบจดจ่อ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการขบคิดประเด็นปัญหาอย่างจริงจัง แต่เน้นทีละประเด็น
- ทำสมาธิด้วยการเคลื่อนไหว เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบการอยู่นิ่งและต้องการจดจ่ออยู่กับการเคลื่อนไหวของร่างกายมากกว่าจิตใจ เช่น การเดินจงกลม การเล่นโยคะ
- ทำสมาธิแบบใช้จินตนาการ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการทำสมาธิเพื่อรับมือกับปัญหาและสถานการณ์กดดันจากประสบการณ์ในจินตนาการ
- ทำสมาธิแบบเน้นคลายกล้ามเนื้อ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มความผ่อนคลายและลดความตึงเครียดให้กับร่างกาย เพื่อกระตุ้นให้จิตใจได้สัมผัสกับความผ่อนคลายไปพร้อมกัน
สุดท้ายนี้ถึงแม้การทำสมาธิจะมีประโยชน์ในหลาย ๆ ด้าน แต่สำหรับผู้เริ่มต้นอาจต้องใช้เวลาในการฝึกฝนและสร้างความเคยชินนานพอสมควร ดังนั้นจึงไม่ขอแนะนำให้กดดันตัวเองมากเกินไป ต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไปผลลัพธ์จึงจะออกมาดี
ขอบคุณข้อมูลจาก : Ooca