“พิษล้างพิษ” นักวิทย์ทดลองใช้ “ไวรัสเริม” กำจัดมะเร็ง
สหราชอาณาจักรทดลองใช้ “ไวรัสเริม” ในการรักษาโรคมะเร็ง พบหนึ่งในกลุ่มทดลองหายขาดจากมะเร็งมาแล้ว 2 ปี
หากพูดถึงโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกไปมากที่สุด คงหนีไม่พ้น “มะเร็ง” โดยมีเปอร์เซ็นต์ความรุนแรงสูง และยังสามารถเกิดได้ในหลายตำแหน่งของร่างกาย แม้รักษาหายแล้ว บางครั้งมันก็ยังสามารถคัมแบ็กกลับมาล้างผลาญชีวิตของเราได้ เฉพาะในประเทศไทย ปีหนึ่ง ๆ มีผู้ที่เสียชีวิตจากมะเร็งถึงหลักแสนราย
ปัจจุบันโลกมีแนวทางในการรักษามะเร็งหลากหลาย อาทิ การผ่าตัด การฉายรังสี การใช้เคมีบำบัด การใช้ยา การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด แต่ในกรณีการป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย การรักษาให้หายถือว่ายังเป็นเรื่องที่ยากมาก
สารเคมีรั่ว “โทลูอีน” สูดดมเสี่ยงมะเร็งในเม็ดเลือด อันตรายถึงชีวิต
อย่าหลงเชื่อ! สูตรน้ำชีวจิตหรือน้ำอาร์ซี ช่วยต้าน - รักษามะเร็งได้
10 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับอาหารต้านโรคมะเร็ง
ล่าสุด นักวิทยาศาสตร์ในสหราชอาณาจักรได้ทดลองวิธีใหม่ในการรักษามะเร็ง ซึ่งรักษามะเร็งระยะท้าย ๆ ได้ นั่นคือ “การใช้ไวรัสเข้าไปต่อสู้และทำลายเซลล์มะเร็งที่เป็นอันตราย” หรือที่จากนี้จะเรียกสั้น ๆ ว่า “การบำบัดด้วยไวรัส (Virus Therapy)”
กระบวนการบำบัดด้วยไวรัสจะใช้ “ไวรัสเริม (herpes simplex)” ที่ได้รับการดัดแปลงมาให้สามารถฆ่าเนื้องอกได้ เรียกว่า “RP2” แล้วฉีดเข้าไปในบริเวณที่ตรวจพบเนื้องอก ซึ่งจะโจมตีมะเร็งได้ 2 วิธี คือไวรัสจะบุกรุกเซลล์มะเร็งและทำให้เซลล์สลายไป และอีกวิธีคือกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
ในการทดลองในมนุษย์ระยะแรก ใช้กลุ่มตัวอย่างประมาณ 40 คน แบ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับการฉีดไวรัส RP2 แล้วนำผลที่ได้ไปเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยารักษามะเร็งอีกตัวหนึ่งที่เรียกว่า “นิโวลูแมบ (Nivolumab)”
ผลการทดลองเบื้องต้นพบว่า มะเร็งของผู้ป่วยรายหนึ่งหายไปอย่างสมบูรณ์ ในขณะที่ในผู้ป่วยรายอื่น ๆ มีเนื้องอกหดตัวลง
ชิสซ์ตอฟ วอยคอฟสกี วัย 39 ปี ช่างก่อสร้างในลอนดอน เป็นหนึ่งในผู้ป่วยมะเร็งที่เข้าร่วมในการทดลองระยะที่ 1 ซึ่งดำเนินการโดยสถาบันวิจัยมะเร็งของ Royal Marsden NHS Foundation Trust
เขาได้รับการวินิจฉัยในปี 2017 ว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำลาย แม้จะรักษาด้วยการผ่าตัดและวิธีการรักษาอื่น ๆ แล้วแต่ก็ไม่เป็นผล มะเร็งของเขายังคงเติบโตเรื่อย ๆ
“ผมได้ยินมาว่าไม่มีทางเลือกอื่นเหลือแล้ว และผมก็กำลังเข้ารับการรักษาระยะสุดท้าย มันร้ายแรงมาก ดังนั้นมันจึงเหลือเชื่อมากที่ได้รับโอกาสในการเข้าร่วมการทดลองนี้” วอยคอฟสกีกล่าว
การบำบัดด้วยไวรัสดูเหมือนจะสามารถขจัดมะเร็งของเขาได้ “ผมได้รับการฉีดทุก 2 สัปดาห์เป็นเวลา 5 สัปดาห์ซึ่งกำจัดมะเร็งของผมได้อย่างสมบูรณ์ และร่างกายผมปลอดจากมะเร็งมา 2 ปีแล้ว”
ผลการวิจัยยังพบว่า
- ผู้ป่วย 3 ใน 9 รายที่ได้รับการรักษาด้วย RP2 เพียงอย่างเดียว ซึ่งรวมถึงวอยคอฟสกี มีขนาดเนื้องอกหดตัวลง
- ผู้ป่วย 7 ใน 30 คนที่ได้รับการรักษาแบบผสม (ใช้ RP2 และนิโวลูแมบ) ดูเหมือนจะได้รับผลดีเช่นกัน
- มีผลข้างเคียง เช่น อาการเหนื่อยล้า โดยทั่วไปมักไม่รุนแรง
ศ.เควิน แฮร์ริงตัน หัวหน้าทีมวิจัย บอกว่า การรักษาด้วยวิธีนี้ให้ผลที่น่าประทับใจอย่างยิ่งในมะเร็งระยะลุกลามหลายชนิด รวมถึงมะเร็งหลอดอาหาร และมะเร็งตาชนิดหายาก
“เป็นเรื่องยากที่จะเห็นอัตราการตอบสนองที่ดีเช่นนี้ในการทดลองทางคลินิกระยะแรก เนื่องจากเป้าหมายหลักคือการทดสอบความปลอดภัยในการรักษา และประสิทธิภาพการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะท้ายที่การรักษาในปัจจุบันไม่ค่อยได้ผล” เขากล่าว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ไวรัสเพื่อต่อสู้กับโรคมะเร็ง สาธารณสุขสหราชอาณาจักร (NHS) เคยอนุมัติการบำบัดด้วยไวรัสที่เรียกว่า T-Vec สำหรับรักษามะเร็งผิวหนังเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ด้าน ดร.แมริแอนน์ เบเกอร์ จากศูนย์วิจัยมะเร็งสหราชอาณาจักร กล่าวว่า ผลการวิจัยนี้อาจเปลี่ยนแนวทางการรักษามะเร็ง
“นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าไวรัสสามารถช่วยในการรักษามะเร็งเมื่อ 100 ปีที่แล้ว แต่การควบคุมมันอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพก็เป็นเรื่องยาก ... หลังจากนี้เราจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อค้นหาว่ามันใช้ได้ผลดีเพียงใด”
เธอเสริมว่า “การวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่าการรวมการรักษาหลายอย่างเข้าด้วยกันเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ และการบำบัดด้วยไวรัสเช่นนี้อาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของอาวุธของเราในการเอาชนะมะเร็งได้”
เรียบเรียงจาก BBC
ภาพจาก AFP