4 เทคนิคดูแลรักให้หวานช่วงโควิด หลังอัตราการหย่าร้างทั่วโลกพุ่ง
เปิด 4 เทคนิคสำหรับคนมีคู่ ดูแลรักอย่างไรให้มีความสุขช่วงโควิด หลังอัตราหย่าร้างทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ในช่วงการระบาดของโควิด-19 หลายคนมองว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับคู่รักที่จะมีโอกาสได้ใช้เวลาด้วยกัน แต่หลายคู่กลับเริ่มมีความคิดที่จะยุติความสัมพันธ์ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่ใดที่หนึ่ง แต่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก
โดย 12% ของชาวอเมริกันยอมรับว่าพวกเขามีปากเสียงกับคู่รักมากขึ้นในช่วงโควิด-19 จากการสำรวจของสมาคมจิตแพทย์อเมริกา (American Psychiatry Association) พบว่าคู่รักในสหรัฐฯมีความสุขมากขึ้นในช่วงสัปดาห์แรกของการล็อกดาวน์ แต่ผ่านไป 1 เดือน กลับรู้สึกเครียด และเริ่มคิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะไปไม่รอด
โซเชียลแห่แชร์คอลเซ็นเตอร์ พูดจาดีช่วยผู้ป่วยโควิด
เช็กเงื่อนไข!! ผู้ประกันตน มาตรา 40 หากป่วยโควิด 19 จะได้รับเงินทดแทนเท่าไหร่?
"เช็ก 5 อาการโอมิครอน" ที่แพทย์ตรวจพบในกลุ่มผู้ติดเชื้อโควิด
ขณะที่สหราชอาณาจักรและประเทศตุรกี พบสถิติการใช้ความรุนแรงในครอบครัว (Domestic Violence) และการขอความช่วยเหลือจากความรุนแรงผ่านทางโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตเพิ่มสูงขึ้นในช่วงโควิด-19
ส่วนประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศแรกของการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวด พบสถิติการหย่าร้างเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในเดือนมีนาคมพบจำนวนคู่สมรสที่ยื่นเรื่องขอหย่าร้างในเมืองซีอาน (Xi’an) และต้าโจว (Dazhou) เพิ่มสูงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเมืองเซี่ยงไฮ้ก็มีจำนวนคดีที่เกี่ยวข้องกับการหย่าร้างเพิ่มขึ้นถึง 25%
แนวทางการปฏิบัติตัวของประชาชนจากรัฐบาล เพื่อให้ทุกคนรอดชีวิตในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ค่อนข้างชัดเจน แต่แนวทางการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักให้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปกลับคลุมเครือ ดังนั้น ทำไมคู่รักถึงทะเลาะกันมากขึ้นเมื่ออยู่ใกล้ชิดกันในช่วงโควิด-19 และจะมีวิธีจัดการชีวิตคู่อย่างไร มีข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้
โควิดทำหมดอารมณ์รัก
การระบาดครั้งใหญ่ครั้งนี้ไม่ใช่ช่วงฮันนีมูนของคู่รัก แต่เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของมนุษยชาติ ทุกคนบนโลกต่างได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทุกคนกำลังเครียด กดดัน และไม่รู้ว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติเมื่อไร
การที่อยู่ในสภาวะเครียดและวิตกกังวลเรื้อรัง ส่งผลให้ร่างกายและอารมณ์ ตลอดจนสุขภาพอาจจะแย่ลงเรื่อย ๆ เพราะการนอนที่เริ่มผิดปกติ จึงทำให้หงุดหงิดง่าย โมโหง่าย ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถใช้วิธีผ่อนคลายจิตใจอย่างที่เคยทำ ไม่ว่าจะเป็นการพบปะเพื่อนฝูงหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่ทุกคนรู้สึกอึดอัดเวลาอยู่บ้านกับคู่รักในช่วงนี้
แม้แต่ความสุขทางเพศที่หลายๆ คนคิดจะใช้เวลาว่างช่วงนี้กับคู่รักอย่างเต็มที่ แต่ในความเป็นจริง โควิด-19 กลับทำให้หมดอารมณ์ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม
เปิดตัวสเปรย์แอนติบอดีพ่นจมูก ป้องกันโควิด-19 คนไทยได้ใช้ภายในปีนี้
4 เทคนิคจัดการชีวิตคู่ให้มีความสุข
การปฏิบัติตัวของคู่รักที่อยู่ด้วยกันในช่วงโควิด-19 ให้มีความสุขสามารถจัดการได้ ดังนี้
1) เรียนรู้ที่จะอยู่กับความจริงในปัจจุบัน (Manage Anxiety )
ขั้นตอนแรกของการจัดการปัญหา คือ การยอมรับว่าเรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เป็นธรรมดาที่จะรู้สึกกังวลและประสบความยากลำบากในการจัดการปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ความกังวลเป็นเพียงสัญชาตญาณการต่อสู้เพื่อที่จะเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งนี้
ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการกังวลกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นเวลานาน ๆ โดยไม่จำเป็น การเสพข่าวเรื่องเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมาตลอดทั้งวันย่อมไม่เกิดผลดี
2) การสื่อสารสำคัญที่สุด (Communication is King)
แม้แต่ตัวเรายังมีความเครียดและความกดดันอย่างมากในช่วงโควิด-19 คู่รักของเราก็เช่นเดียวกัน เพียงแต่วิธีจัดการปัญหาของอาจจะแตกต่างกัน เราจำเป็นต้องคอยสังเกตว่าคู่รักต้องการพื้นที่ส่วนตัวหรือต้องการการดูแลเอาใจใส่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางไหน การสื่อสารเพื่อบอกความต้องการ ความรู้สึกหรือความคิดของคุณให้คู่รักฟังเป็นสิ่งสำคัญมากขึ้นกว่าในช่วงเวลาปกติเสียอีก
หลักการสื่อสารที่ดีของคู่รัก ประกอบด้วย
- ใช้ประโยคที่ผู้พูดสื่อสารความรู้สึกและความต้องการของตนเอง หรือ i-Message หลีกเลี่ยงการพูดถึงการกระทำของคู่รักโดยตรง หรือ you-message เพราะการสื่อสารลักษณะนี้มีแนวโน้มที่จะแฝงน้ำเสียงตำหนิและอารมณ์ทางลบเข้าไปด้วย เช่น “เธอทำตัวติดกับฉันตลอดเวลาเลย ตั้งใจจะไม่ให้ฉันมีเวลาว่างเลยหรือ” คำกล่าวนี้อาจทำให้ผู้ฟังรู้สึกถูกตำหนิและนำไปสู่ความบาดหมางได้ ในทางกลับกันหากกล่าวว่า “ฉันรักเธอนะ แต่ช่วงนี้ฉันต้องการเวลาส่วนตัวเพื่อที่จะพักผ่อนทั้งร่างกายและเติมพลังจิตใจของฉันในแต่ละวัน” จะช่วยหลีกเลี่ยงการปะทะอารมณ์กับคู่รัก รวมถึงส่งเสริมอารมณ์ทางบวก ความรัก และความห่วงใยระหว่างกัน
- หลีกเลี่ยงการดูถูกซึ่งกันและกัน ประเด็นนี้ฟังดูเหมือนไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่แท้จริงแล้วรูปแบบการสื่อสารแบบดูถูกคู่รักเป็นตัวแปรที่มีผลต่อการหย่าร้างของคู่สามีภรรยาสูงที่สุด การดูถูกคู่รักได้ผ่านคำพูดที่ไม่ให้เกียรติ พูดจาประชดประชัน เยาะเย้ย หรือแม้แต่การแสดงสีหน้าท่าทาง จะทำให้คู่รักรู้สึกไร้ค่าและรู้สึกต่ำต้อย
- ชมให้มากกว่าต่อว่า แม้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่ชีวิตคู่จะมีแต่ความสุขตลอดเวลา แต่ผลวิจัยพบว่าคู่สมรสที่แต่งงานกันได้ยืนยาวมักจะมีช่วงเวลาแห่งความสุขเทียบกับช่วงเวลาที่ทะเลาะกันในอัตราส่วนอย่างน้อย 5 ต่อ 1 สำหรับในช่วงโควิด-19 ระบาด ทั้งตัวเองและคู่รักต่างต้องเผชิญการความกดดันเรื่องต่าง ๆ มากพอแล้ว การหันมาให้ความสนใจกับช่วงเวลาดี ๆ ในแต่ละวัน ชมและให้กำลังใจคู่รักจะให้ผลดีมากกว่า
3) จัดระเบียบชีวิตใหม่ (Adjust to the ‘new’ normal)
การใช้ชีวิตอย่างไม่เตรียมพร้อม เสี่ยงมากที่จะทำให้เกิดปัญหาชีวิตคู่ คู่รักจำเป็นที่จะต้องรับบทบาทมากขึ้นกว่าเดิม ลองหาเวลาที่ทั้งคู่สบายใจ แล้วนั่งไล่เรียงภาระหน้าที่ที่จำเป็นต้องทำ รวมถึงความคาดหวังจากทั้งสองฝ่าย หากมีลูกหรือผู้สูงอายุที่ต้องดูแลในบ้านจำเป็นต้องแบ่งเวลากันดูแลลูกและผู้สูงอายุด้วย อย่ากดดันตนเองมากเกินไป ย้ำว่าบางอย่างไม่จำเป็นต้องทำให้ดีเลิศ เพราะนี่ไม่ใช่ช่วงเวลาปกติ รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พอจะมองข้าม ให้ปล่อยผ่านไปก่อน เพื่อให้คุณทั้งคู่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในช่วงโควิด-19 ได้อย่างหวานชื่น
หลังจากจัดการตารางเวลาเพื่อทำงานบ้านและแบ่งหน้าที่กันแล้ว อย่าลืมจัดสรรเวลาส่วนตัวด้วย เราทุกคนจำเป็นต้องมีเวลาส่วนตัวที่ไม่ใช่เวลาทำงาน การใช้เวลาส่วนตัวนอกจากจะเป็นการเติมพลังชีวิตแล้วยังทำให้แต่ละคนได้เสพข้อมูลตามที่แต่ละคนสนใจ ซึ่งสามารถนำมาพูดคุยกันภายหลังได้
แน่นอนว่าต้องจัดให้มีเวลาใกล้ชิดกันของคู่รักด้วย นอกจากเรื่องเซ็กส์แล้วยังมีอีกหลายกิจกรรมที่คุณสามารถทำร่วมกันได้ ควรมีช่วงเวลาตอนเช้าหรือตอนก่อนนอนที่ทั้งคู่ห้ามพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 เพื่อจะได้มีเวลาใส่ใจเรื่องอื่น ๆ รอบตัวและใส่ใจคนสำคัญข้าง ๆ ของเราให้มากขึ้น
สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ การจัดแบ่งพื้นที่ในบ้านหรือคอนโดมิเนียมให้เป็นสัดเป็นส่วนย่อมส่งผลดีต่อจิตใจ หากเป็นไปได้ควรจัดสรรห้องหนึ่งให้เป็นห้องทำงาน หากไม่สามารถแบ่งห้องได้ การลากเส้นจำลองเพื่อแบ่งพื้นที่ทำงานและพื้นที่พักผ่อนในห้องเดียวกันก็ได้ผลเช่นเดียวกัน การใช้หูฟังอาจจะช่วยให้เขตแดนจำลองนั้นชัดเจนมากขึ้น การหลบไปอยู่ในห้องน้ำหรือไปนั่งในรถเพื่อที่จะคิดงานหรือคุยโทรศัพท์ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง หากคุณมีพื้นที่สวนนอกบ้าน การออกมานั่งทำงานนอกบ้านในวันที่อากาศไม่ร้อนเกินไป ก็เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศได้ดีทีเดียว
4) ตัวช่วยมีอยู่เสมอ (It’s okay to ask for help)
ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของคู่รักทุกคู่ แต่การจัดการกับความกังวลที่เกิดขึ้น เรียนรู้วิธีการสื่อสารที่เป็นประโยชน์ และการปรับวิถีชีวิตใหม่จะทำให้คู่รักก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ง่ายขึ้น แต่หากคุณยังมองไม่เห็นทางแก้ไขปัญหา หรือรู้สึกทุกข์ทรมานมากเกินปกติ การปรึกษาผู้ชำนาญการ อาทิ จิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยบรรเทาและแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตหรือปัญหาความสัมพันธ์ได้เช่นกัน
รพ.ราชวิถีผุดโครงการ “แท็กซี่ฉุกเฉิน” รับส่งเด็กติดโควิดสอบใน กทม.-ปริมณฑลฟรี
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลกรุงเทพ