คกก.โรคติดต่อฯ เห็นชอบแนวทางจัดหาวัคซีนโควิดปี 66 สำรองให้คนละ 1-2 โดส
คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบแนวทางจัดหาวัคซีนปี 2566 โดยมีกรอบสำรองให้ทุกคนได้รับคนละ 1-2 โดส
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 9/2565
โดย นายอนุทิน กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ของประเทศไทยช่วงนี้ มีแนวโน้มพบผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยนอนรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นบางพื้นที่ ส่วนผู้ป่วยอาการหนักและผู้เสียชีวิตมากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นผู้ที่ไม่รับวัคซีนโควิด-19 หรือไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น
โควิด-19 รอบสัปดาห์ ไทยติดเชื้อเฉลี่ยวันละ 565 เสียชีวิตวันละ 9 คน
กลุ่มวายเน็กเรียกร้องถอนร่างประกาศ สธ. ให้กัญชากลับเป็นยาเสพติด
ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้จัดเตรียมยา เวชภัณฑ์ วัคซีน รวมทั้ง LAAB ไว้อย่างเพียงพอเพื่อรองรับการระบาดที่กำลังเพิ่มขึ้นแล้ว สถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศมีความพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 รวมถึงคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและกรุงเทพมหานคร ได้เตรียมแผนปฏิบัติการควบคุมโรคโควิด-19 รองรับการเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังให้มีความพร้อมทุกจังหวัดแล้ว
ทั้งนี้ ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ส่งหนังสือชื่นชมประเทศไทยต่อการดำเนินงานในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากความร่วมมือของหน่วยงานทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ที่ประชุมในวันนี้ได้พิจารณาและเห็นชอบแนวทางการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ปี 2566 โดยมีกรอบในการจัดหาและบริหารจัดการให้มีวัคซีนเข็มกระตุ้นสำหรับกลุ่ม 608 (ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์) บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ด่านหน้าและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) รวมถึงประชาชนทั่วไปตามความสมัครใจ จำนวน 1-2 โดสต่อคน
โดยให้พิจารณาสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงของสายพันธุ์ไวรัส และแนวโน้มประสิทธิผลของวัคซีนต่อสายพันธุ์ที่ระบาด และนำเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคเพื่อให้คำแนะนำสำหรับการให้วัคซีนโควิด-19 ในปี 2566 อย่างเหมาะสม
รวมถึงยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโควิด-19 และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ภายหลังการประกาศเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง เพื่อสนับสนุนภารกิจวัคซีนโควิด 19-ให้ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสถานการณ์ โดยมี นพ.โสภณ เมฆธน เป็นที่ปรึกษา และอธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นประธาน
นอกจากนี้ ยังแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเร่งรัดกำจัดมาลาเรีย เพื่อให้การขับเคลื่อนงานเร่งรัดกำจัดโรคไข้มาลาเรียเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุด แต่งตั้งคณะกรรมการด้านวิชาการ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 14 (7) กับมาตรา 16 วรรคหนึ่ง แห่งพ.ร.บ.โรคติดต่อฯ รวมถึงรับทราบมติคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค คือ การให้วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบนิวโมค็อกคัส (2p+1) ในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
โดยเสนอชุดบริการวัคซีนเพื่อประกอบการพิจารณาเข้าเป็นสิทธิประโยชน์ในปี 2567 โดยปรับเป็นวัคซีน IPV และ PVC เมื่ออายุ 2 เดือนและ 4 เดือน และการให้วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV) กรณีคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก โดยให้วัคซีน 1 เข็มไปก่อนในกลุ่มเด็กนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5ปีการศึกษา 2562-2564 ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน เนื่องจากกรณีวัคซีนขาดชั่วคราว และเด็กนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ปีการศึกษา 2565-2566 โดยให้ในเด็กหญิงที่มีอายุสูงสุดก่อนเป็นลำดับแรกตามจำนวนวัคซีนที่จัดหาได้
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังรับทราบความก้าวหน้าการจัดทำแผนปฏิบัติการควบคุมโรคโควิด-19 รองรับการเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง (ตุลาคม 2565 - กันยายน 2566) ระดับจังหวัด/กรุงเทพมหานคร โดยขณะนี้ทุกจังหวัดมีแผนปฏิบัติการรองรับแล้ว ส่วนผลการดำเนินงานด้านวัคซีนโควิด-19 ประเทศไทยฉีดไปแล้ว 143.7 ล้านโดสรับอย่างน้อย 1 เข็ม 57.3 ล้านคน คิดเป็น 82.4 % รับครบตามเกณฑ์ 53.9 ล้านคน คิดเป็น 77.5% และรับวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้วกว่า 32.4 ล้านโดส ส่วนเด็กอายุ 6 เดือน – 4 ปี ข้อมูลถึงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 รวม 17,745 คน