แอสตร้าฯ จัด แคมเปญ “เตรียมภูมิคุ้มกันให้ทุกความพิเศษ”
แอสตร้าเซนเนก้า ส่งแคมเปญ “เตรียมภูมิคุ้มกันให้ทุกความพิเศษ”สร้างความตระหนักรู้ในสังคมเกี่ยวกับความสำคัญของการเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย รวมถึงภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป หรือ LAAB
บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำเจตนารมณ์ในการสร้างความตระหนักรู้และการเข้าถึงนวัตกรรมและบริการทางการแพทย์ เพื่อการดูแลสุขภาพที่ดีของคนไทยอย่างยั่งยืน ผ่านการเปิดตัวแคมเปญ “เตรียมภูมิคุ้มกันให้ทุกความพิเศษ” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการรับรู้ถึงความสำคัญของการเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายในสถานการณ์ที่โควิด-19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ไม่ว่าจะเป็นการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือวิธีการอื่นๆ เช่น ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป หรือ LAAB (Long-acting Antibody)
“LAAB”ยาเสริมภูมิสู้โควิดกลุ่มเสี่ยง ผลข้างเคียงต่ำ-ต้าน BA.4/BA.5 ได้
รัฐบาลเดินหน้าฉีดวัคซีนโควิดประเดิมไฟเซอร์เด็กเล็ก เดือนต.ค. 5 แสนโดส
โดยเฉพาะในประชากรกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือตอบสนองต่อวัคซีนได้ไม่เพียงพอ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบในการดำเนินชีวิตจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มากกว่าคนทั่วไป การได้รับภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปจะช่วยลดความเสี่ยงจากอาการเจ็บป่วยรุนแรงและการเสียชีวิต พร้อมสร้างความมั่นใจให้ผู้ป่วยสามารถออกมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข
แคมเปญดังกล่าวจะสะท้อนถึงความสำคัญของภูมิคุ้มกันต่อโควิด-19 ผ่านการสื่อสารทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ พร้อมเปิดตัวสองภาพยนตร์สั้นชุด “เตรียมภูมิคุ้มกันให้ทุกความพิเศษ” บอกเล่าเรื่องราวของ ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ป่วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง และผู้ป่วยโรคไต ที่ไม่สามารถออกไปใช้ชีวิตได้อย่างคนทั่วไป เพราะร่างกายอาจตอบสนองต่อวัคซีนได้ไม่เพียงพอเนื่องจากภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือได้รับยากดภูมิคุ้มกัน จึงมีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อและมีอาการรุนแรงจากโควิด-19 มากกว่าที่หลายคนคาดคิด ซึ่งนอกจากจะสร้างการตระหนักรู้ถึงผลกระทบของโควิด-19 ที่มีต่อผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงในสังคมแล้ว ภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องยังได้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการเสริมภูมิคุ้มกันให้กับประชากรกลุ่มเสี่ยง และผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ
ญี่ปุ่น-EU ขึ้นทะเบียนยา LAAB รักษาโควิด ด้านไทยอยู่ระหว่างยื่นเอกสาร
LAAB (Long-acting Antibody) หรือ ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป คือยาแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาวแบบผสม ปัจจุบันได้รับการอนุมัติแบบมีเงื่อนไขในประเทศไทยให้นำมาใช้สำหรับการฉีดป้องกันและรักษาโควิด-19 ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง หรือผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงและผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป และมีน้ำหนักตัวอย่างน้อย 40 กิโลกรัม โดย LAAB จะฉีดที่สะโพกเพื่อให้ร่างกายสามารถรับแล้วนำไปใช้ได้เลยภายใน 6 ชั่วโมง จึงช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับประชากรกลุ่มเสี่ยงที่ตอบสนองต่อวัคซีนได้น้อยกว่าคนทั่วไป หรือไม่ตอบสนองต่อวัคซีน
กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดแนวทางการใช้ LAAB เพื่อการป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อในกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่
- ผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้าย
- ผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ
- ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดหรือมะเร็งที่อวัยวะอื่นๆ
- ผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิ
- รวมไปถึงผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มสุดท้ายเกิน 6 เดือน
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือ ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มสุดท้ายเกิน 6 เดือน เป็นต้น
ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายในการรับยา LAAB ตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข สามารถแจ้งที่แพทย์ผู้ให้การรักษา เพื่อให้แพทย์ได้ประเมินและดำเนินการแจ้งความจำนงขอเข้ารับยาต่อไปสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ แอนติบอดีออกฤทธิ์ยาวแบบผสม และรับชมภาพยนตร์สั้นชุด “เตรียมภูมิคุ้มกันให้ทุกความพิเศษ” ฉบับเต็มได้ทาง https://bit.ly/3uQ7P0c
กลุ่มคนภูมิคุ้มกันต่ำ ขอฉีดวัคซีน LAAB เสริมภูมิป้องกันโควิด เริ่ม 1 ส.ค. 65เป็นต้นไป
ครั้งแรกของโลก "ญี่ปุ่น" อนุมัติใช้ LAAB ป้องกันและรักษาโควิด-19