3 ตำนาน “ขนมเข่ง” ของไหว้ที่ต้องมีในตรุษจีน กินถูกสุขภาพดีแถมเฮงตลอดปี
เปิด 3 ตำนาน “ขนมเข่ง” ของไหว้ที่ต้องมีอยู่ในโต๊ะไหว้ตรุษจีน แม้เป็นขนมหวานที่ทำจากแป้ง แต่ก็มีประโยชน์ถ้ากินถูกก็ช่วยให้สุขภาพดีแถมเฮงตลอดปี
อย่างที่รู้กันว่า “วันตรุษจีน” จะมีการไหว้เจ้าที่ บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว หรือผีไร้ญาติ ในวันไหว้ปีนี้ ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 21 มกราคม 2566 ด้วยของไหว้ตรุษจีนมีมากมาย รวมถึงขนมหวานที่หลายคนมักนึกถึงอย่าง “ขนมเข่ง” ด้วย
แม้ “ขนมเข่ง” เป็นสัญลักษณ์ของความมงคล ที่หมายถึงความสำเร็จ และการได้เลื่อนตำแหน่งในด้านอาชีพการงานที่สูงขึ้น แต่ไม่ใช่แค่เหตุผลนี้เพียงอย่างเดียว ที่ทำให้ขนมเข่งกลายเป็นของไหว้สัญลักษณ์ในช่วงตรุษจีน
“ตรุษจีน 2566” วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว ตรงกับวันไหน อะไรที่ไม่ควรทำ
เปิดตารางไหว้ตรุษจีน ปี 66 รวม 5 เวลาไหว้เจ้าให้เฮงๆ รวยๆ
ที่จริงแล้ว “ขนมเข่ง” ก็มีตำนานและเรื่องเล่าขานนิทานพื้นบ้านอยู่มากมาย ที่เป็นเบื้องหลังทางศิลปวัฒนธรรม ที่ทำให้ขนมหวานนี้ขาดไม่ได้เลยที่จะต้องมีอยู่ในโต๊ะไหว้ช่วงตรุษจีน
สินบนแก่เทพเจ้า
ครัวเรือนจีนแต่ละหลังจะมีเทพเจ้าแห่งครัวเป็นผู้ปกครอง ปกปักรักษามนุษย์ ซึ่งเป็นเหตุผลที่แม่ของเราห้ามไม่ให้ทุบโต๊ะอาหารเย็นหรือปักตะเกียบลงในข้าวนั่นเอง
เทพเจ้าแห่งครัวเขาจะคอยรายงานองค์เง็กเซียนฮ่องเต้บนสวรรค์อยู่ตลอดทุกๆ ปี เหมือนที่เราทุกคนต้องทำรายงานประจำปี ว่าครอบครัวนี้ซนหรือปฏิบัติตัวดีกันแน่ แต่แทนที่เราจะถูกลงโทษสำหรับพฤติกรรมที่ไม่ดี วิธีเดียวที่จะทำให้เทพขึ้นไปรายงานเรื่องของเราไม่ได้ ก็คือ การปิดปากด้วยเค้กข้าวเหนียว
เพราะขนมเข่งมีลักษณะเหนียวหนืด เมื่อเคี้ยวในปาก แล้วจะพูดไม่ถนัด เนื่องจากขนมนี้ทำจากแป้งกวนกับน้ำตาลทราบแล้วนำไปนึ่งจนสุก ด้วยเหตุนี้เทพก็ไม่สามารถตำหนิเราในศาลสวรรค์ได้แล้ว
รากฐานอาหารจากกำแพงข้าวเหนียว
ประมาณ 480 ปีก่อนคริสต์กาล ในจีนมีนายพลชื่อ Wu Zixu เขาเป็นผู้นำในการสร้างกำแพงที่แข็งแกร่งรอบอาณาจักร Wu เพื่อป้องกันพวกเขาจากการถูกโจมตีในช่วงสงคราม ก่อนที่เขาจะจากไป เขาได้บอกคนของเขาไว้ว่าในยามที่ยากลำบากให้ไปแสวงหาความรอดใต้กำแพง
ต่อมาเมื่ออาณาจักร Wu ตกเป็นของรัฐ Yue หลายปีต่อมาเสบียงอาหารของเมืองหลวงก็ถูกตัดขาด ประชาชนอดอยากมาก ทำให้พวกเขานึกถึงคำพูดของนายพล Wu Zixu ขึ้นมา พวกเขาจึงไปขุดหลุมใต้กำแพงและพบว่ากำแพงนั้นถูกสร้างด้วยอิฐที่ทำจากแป้งข้าวเหนียว
ด้วยคำสั่งลับๆ ของนายพล Wu Zixu เมืองหลวงจึงรอดมาได้และเกิดอาหารอันโอชะใหม่คือ “ขนมเข่ง” นั่นเอง
ป้องกันปีศาจ “เหนียน”
เรี่องราวของปีศาจ “เหนียน” ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่มักจะออกอาละวาดกินสัตว์ ทำร้ายชาวบ้านในช่วงวันตรุษจีนทุกปี ชาวบ้านที่หวาดกลัวจะซ่อนตัวจากเหนียน แต่มีชายแปลกหน้าผมหงอกอยู่คนหนึ่งเขาได้จุดประทัดและสวมใส่ชุดสีแดงสดออกมา ปีศาจเหนียนตกใจ จึงวิ่งหนีออกไป เป็นที่มาให้ในวันตรุษจีนมีการจุดประทัดและสวมใส่ชุดสีแดงนั่นเอง
แต่บางตำนานก็กล่าวเอาไว้ว่า มีชายแปลกหน้าที่ชื่อว่า “Gao” เขาทำขนมแป้งข้าวเหนียวอบล่วงหน้าและวางไว้หน้าประตูบ้านทุกหลังในหมู่บ้านในช่วงขึ้นปีใหม่ เมื่อ “เหนียน” ปรากฏตัว ก็หนีออกไป จากนั้นเป็นต้นมาชาวบ้านก็จะทำขนมคล้ายๆ กันทุกปี และตั้งชื่อขนมว่า “Gao” ตามชื่อผู้สร้างอันชาญฉลาด หรือที่คนไทยเรียกว่า “ขนมเข่ง” นั่นเอง
ทั้งหมดนี้ต่างเป็นที่มาของขนมหวานแสนอร่อย ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าขนมเข่งเป็นขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวแล้วเอาไปนึ่งจนสุก ทำให้สามารถเก็บได้นาน ไม่เสียง่าย เปรียบเสมือนเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวเองผ่านพ้นชีวิตที่ยากจน และยากลำบากมาได้ คนจีนเลยถือเอาขนมเข่งที่เคยเป็นเสบียงสำคัญในช่วงยากลำบาก มาไหว้เทพเจ้า เพื่อเป็นที่ระลึกถึงวันที่ต้องปากกัดตีนถีบ เป็นสัญลักษณ์ของความหวานชื่น ราบรื่น และอุดมสมบูรณ์
นอกจากนี้ก็อาจเป็นความสบายใจของเราว่าจะทำให้เทพเจ้าไม่สามารถรายงานพฤติกรรมที่ไม่ดีของเราได้ และยังช่วยป้องกันปีศาจร้ายที่จะออกมาอาละวาดในคืนส่งท้ายปีเก่าด้วย
“ขนมเข่ง” แหล่งคาร์โบไฮเดรต-โปรตีนจากถั่วเหลือง
ขนมเข่ง เป็นขนมที่ทำมาจากแป้งกวนกับน้ำตาลแล้วนำไปนึ่ง เมื่อพูดถึงแล้วหลายคนคงคิดว่าจะอ้วนมากแน่ๆ แต่ที่จริงแล้วขนมเข่งก็มีประโยชน์ เพราะถือเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนจากถั่วเหลือง
สำหรับคาร์โบไฮเดรต มีส่วนช่วยให้พลังงานและความร้อนแก่ร่างกาย ช่วยให้ร่างกายนำโปรตีนไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังช่วยทำลายพิษ และช่วยรักษาสภาวะน้ำตาลในเลือดด้วย
ส่วนโปรตีนถั่วเหลือง แม้จะไม่มีปริมาณกรดอะมิโนและแคลเซียมเท่ากับเนื้อสัตว์ แต่มีโปรตีนสูงกว่าถึง 35% และไม่มีไขมันคอเลสเตอรอล ถือเป็นตัวช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งและโรคหัวใจที่ดี
อย่างไรก็ตามการบริโภคคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน ไม่ควรกินมากหรือน้อยเกินไป เพราะอาจเกิดผลเสียได้ ขนมเข่ง 1 ชิ้นให้พลังงาน 150-200 กิโลแคลอรี หรือเทียบเท่ากับข้าว 2 ทัพพี ดังนั้นเราไม่ควรกินขนมเข่งมากกว่า 1-2 ชิ้นต่อวัน และควรลดปริมาณแป้งและน้ำตาลระหว่างวันลง
แต่ถ้าใครที่กลัวว่าจะอ้วนหรือเปล่า ลองมาเบิร์นด้วยการวิ่ง/เดิน/ขี่จักรยานสัก 1 ชั่วโมง เพียงเท่านี้ก็จะเผาถพลาญแคลอรีจากขนมเข่งไม่ให้มาคอยกวนใจเราได้แล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก : BK Magazine
เปิดตารางไหว้ตรุษจีน ปี 66 รวม 5 เวลาไหว้เจ้าให้เฮงๆ รวยๆ
กิน "ของไหว้" วันตรุษจีนเสริมเฮงอย่างไร? ให้ปลอดภัยจากธูปและสารเคมี