กรมอุตุฯจับมือกรมอนามัย วิจัยสภาพภูมิอากาศ เพื่อวิเคราะห์โรค
กรมอุตุฯลงนามร่วมมือกรมอนามัย วิจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้านสาธารณสุข หวังป้องกันผลกระทบด้านสุขภาพของประชาชนจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง
ล่าสุดกรมอุตุนิยมวิทยา จับมือกับ กระทรวงสาธารณสุข กรมอนามัย แลกเปลี่ยนข้อมูลสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูลในครั้งนี้ เพื่อเป็นคาดการณ์ การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ที่จะส่งผลกระทบ ต่อสุขภาพของประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม หากช่วงไหน ที่มีสภาพอากาศร้อนจัด ฝนตก หรืออากาศหนาว ก็จะแจ้งไปยังประชาชนให้ระมัดระวังโรคต่างๆ ที่จะมากับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในขณะนั้น โดยหวังว่า การจับมือในครั้งนี้ จะเป็นการลดและป้องกันผลกระทบสุขภาพของประชาชนด้วย
รับมือโควิด-19 เปิดเทอม สธ. ย้ำโรงเรียนใช้แผนเผชิญเหตุหากพบผู้ติดเชื้อ
เตือนใช้ "นมข้นหวาน" เลี้ยงทารก เสี่ยงขาดสารอาหาร อันตรายถึงชีวิต
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ ว่าด้วยความร่วมมือ “การบูรณาการการดำเนินงาน การพัฒนาวิชาการและวิจัยด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้านสาธารณสุข” ระหว่างกรมอุตุนิยมวิทยา และกรมอนามัย
โดยมีผู้ลงนาม ได้แก่ ดร.ชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย พร้อมทั้งมีผู้แทนองค์การอนามัยโลก ประจำประเทศไทย และผู้แทนองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมันประจำประเทศไทย ร่วมเป็นพยาน
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้สนองนโยบายรัฐบาล โดยมีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศที่ยั่งยืน โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยาเป็นข้อมูลขนาดใหญ่ หลากหลาย และมีความสำคัญ ที่นอกจากการนำมาใช้เพื่อการพยากรณ์อากาศ และเตือนภัยธรรมชาติแล้ว ยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในอีกหลายด้าน ทั้งการวางแผน ตัดสินใจในการบริหารจัดการน้ำ และในด้านการนำไปประยุกต์ใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ของประชาชน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และขีดความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาการให้บริการข้อมูลอุตุนิยมวิทยา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์เฉพาะกลุ่มมากยิ่งขึ้นในอนาคต
ด้าน ดร.ชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า กรมอุตุนิยมวิทยาได้พัฒนาระบบเตือนภัยค่าดัชนีความร้อน โดยจะใช้ค่าทางอุตุนิยมวิทยา คือ ค่าอุณหภูมิ และค่าความชื้น เพื่อมาคำนวณเป็นค่าดัชนีความร้อน และแสดงผลในรูปของการเตือนภัยเชิงพื้นที่ เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถป้องกันตนเองจากความร้อน และวางแผนกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม
ส่วน ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของประชาชน เป็นประเด็นที่ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยให้ความสำคัญ ซึ่งการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการลดและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนนั้น ภาคสาธารณสุขเพียงอย่างเดียวคงไม่สามารถดำเนินการได้ จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
“ฝนตกหนักถึงหนักมาก” อุตุฯออกประกาศเตือนฉบับที่ 8
โรคหลอดเลือดสมอง ร้ายแรงแต่ป้องกันได้ ด้วยการใส่ใจสุขภาพ
โดยขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบาย และแผนปฏิบัติการด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้านสาธารณสุข ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2564 – 2573) เพื่อเป็นกรอบการดำเนินงานของภาคสาธารณสุขร่วมกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือฯ ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการบูรณาการความร่วมมือระหว่างกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนข้อมูลด้านอุตุนิยมวิทยาและสภาพอากาศ ที่จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการดำเนินงานด้านส่งเสริมสุขภาพ และการจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อม เช่น การพยากรณ์อากาศ และสื่อสารเตือนภัยสุขภาพที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย รวมถึงการพัฒนาวิชาการ และวิจัยด้านสุขภาพจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สำหรับ นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย กล่าวด้วยว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ส่งผลกระทบ ต่อสุขภาพของประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งสภาพอากาศที่ร้อนจัด น้ำท่วม ภัยแล้ง และมลพิษอากาศ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและวิถีชีวิตประชาชน ทำให้เกิดการเจ็บป่วยและเสียชีวิต
โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) คาดการณ์ว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะมีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคต โดยระหว่างปี 2573 – 2593 หากไม่มีมาตรการป้องกันจะมีผู้เสียชีวิตจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพิ่มขึ้นปีละ 250,000 ราย ด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ โรคนำโดยแมลง โรคจากความร้อน โรคอาหารและน้ำเป็นสื่อ รวมทั้งการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากภัยพิบัติต่าง ๆ
ดังนั้น จึงเกิดเป็นการบูรณาการการดำเนินงานเพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพดังกล่าว และสำหรับการลงนามบันทึก ความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือฯ ในครั้งนี้ จะช่วยสร้างความเข้มแข็งระหว่าง 2 หน่วยงาน เพื่อร่วมกันดำเนินงาน โดยมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ การลด และป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งสอดคล้องตามเป้าหมายแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืง