สาเหตุที่เรื่องนี้ถูกวิจารณ์ มีทั้งมิติความเหมาะสม และ มีการตั้งข้อสังเกตว่า นายเนตร รู้ผลการสอบวินัยร้ายแรงอยู่ก่อนแล้วหรือไม่ ถึงกล้าไปสมัครโดยไม่กังวลว่าอาจขัดคุณสมบัติการเป็นคณะกรรมการป.ป.ช.
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ เกิดขึ้นเมื่อวานนี้(3ก.พ.) มีรายงานจากสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ระบุว่า มีคนมาสมัครเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการป.ป.ช. แล้ว 1 คน หลังเปิดรับสมัครได้ 4 วัน คือเปิดตั้งแต่ 31 ม.ค. และจะเปิดไปจนถึง 21 ก.พ.2565
“อรรถพล” เผย รายงานคดี “บอส อยู่วิทยา” มีอัยการเอี่ยว 3 คน
มติเอกฉันท์ ตั้ง กก.สอบวินัยร้ายเเรง “เนตร” รอง อสส.สั่งไม่ฟ้อง “บอส วรยุทธ”
ซึ่งเมื่อดูรายละเอียดพบว่า คนที่มาสมัคร คือ นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด ถือเป็นผู้สมัครคนแรก
"สุชัชวีร์" แจง ดูรวยขึ้น เพราะทรัพย์สินภรรยา
แต่ทันทีที่รู้ว่า นายเนตร ก็กลายเป็นประเด็นต่อเนื่อง เพราะ นายเนตร ยังอยู่ระหว่างการถูกตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง คดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ขับรถชนตำรวจจราจร สน.ทองหล่อ จนเสียชีวิต
หากย้อนไปที่ ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีบอส วรยุทธ ชุดที่นายวิชา มหาคุณ เป็นประธานการตรวจสอบ มีการสรุปรายงานให้นายกรัฐมนตรีและเผยแพร่เอกสารต่อสื่อมวลชน ในเอกสารระบุ อักษรย่อ บุคคล 8 กลุ่ม ที่เกี่ยวข้องกับคดีบอส วรยุทธ มีตั้งแต่ ตำรวจ อัยการ เจ้าหน้าที่ และนักการเมือง
ในจำนวนมี นาย น. ที่เป็น รองอัยการสูงสุด รวมอยู่ด้วย ในเอกสารของอ.วิชา ระบุว่า นาย น. มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคดีบอส วรยุทธ ถือว่า เข้าข่าย "ใช้อำนาจและดุลพินิจไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเชื่อว่ามีเจตนาช่วยเหลือผู้ต้องหาไม่ให้ต้องรับโทษ"
คณะกรรมการชุดของอ.วิชา ยังระบุด้วยว่า นาย น. ในฐานะรองอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด ใช้อำนาจและดุลพินิจไม่ชอบด้วยกฎหมายและ “น่าเชื่อว่า” มีเจตนาช่วยเหลือผู้ต้องหาให้ไม่ต้องรับโทษ
ส่วนการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรง พีพีทีวี ประสานไปที่ นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ให้ข้อมูลว่า การไปสมัครเป็นกรรมการป.ป.ช.เป็นสิทธิของนายเนตร หากมีคุณสมบัติตามที่กำหนดก็สามารถสมัครได้ แต่จะได้รับการคัดเลือกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับกรรมการสรรหา
ส่วนการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบเรื่องวินัยฯ ยืนยันว่า กำลังดำเนินการอยู่ เป็นไปตามขั้นตอน แต่ไม่สามารถบอกได้ว่า จะเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ เพราะ หากระบุ จะเข้าข่ายกดดันและก้าวล่วงการทำงานของคณะกรรมการ
ทั้งนี้หากเราย้อนคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของคนที่จะเข้ารับการสรรหาได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการป.ป.ช. พบว่า มีรวมกว่า 20 ข้อ เช่น ต้องมีสัญชาติไทย ต้องอายุไม่ต่ำกว่า 45 ปี แต่ไม่เกิน 70 ปี ต้องไม่เป็นคนที่เคยได้รับโทษจำคุก ต้องเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ต้องไม่มีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง เป็นต้น
พีพีทีวี ย้อนคุยกัย นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกกรรมาธิการ ป.ป.ช. ซึ่งถือเป็นหนึ่งในคณะทำงานที่ผลักดันให้มีการรื้อคดีบอส วรยุทธ นายธีรัจชัย ย้ำว่า คุณสมบัติของกรรมการ ป.ป.ช. ระบุชัดเจนว่า ต้องเป็นคนซื่อสัตย์ สุจริต เป็นที่ประจักษ์ จึงสงสัยว่าทำไมนายเนตร ถึงกล้าไปสมัครเป็น ป.ป.ช. ทั้งที่กำลังถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง
ไขปมร้าน “คนละครึ่ง” เก็บภาษีลูกค้า?
และมองว่า หากนายเนตร ได้รับการเลือกให้เป็น กรรมการ ป.ป.ช. ทั้งที่ยังไม่เคลียร์ตัวเอง เชื่อว่า จะส่งผลเสียต่อ ป.ป.ช. เพราะ หน้าที่ของป.ป.ช. ต้องตรวจสอบคนอื่น นอกจากนี้ยังฝากถึงนายเนตร ว่า หากยังไม่เคลียร์ตัวเองก็สมควรจะต้องทบทวนว่าควรสมัครเป็น ป.ป.ช.หรือไม่
กระแสวิจารณ์เรื่องความเหมาะสม ถูกพูดถึงอย่างมาก นอกจากการมองว่า ไม่เหมาะสม เพราะ นายเนตร ยังต้องรอผลการพิจารณาว่าผิดวินัยร้ายแรง บางคน ตั้งคำถามว่า การที่นายเนตรมาสมัครเป็นป.ป.ช. ก่อนที่ผลการตรวจสอบวินัยร้ายแรงคดีบอส วรยุทธจะออก สะท้อนว่ารู้ผลล่วงหน้าหรือไม่
อีกประเด็นที่น่าสนใจ คือ ผลสอบคดีบอส วรยุทธ ชุดที่อ.วิชา ทำ นอกจากส่งเรื่องไปให้อัยการสูงสุด ก็มีการส่งไปให้หน่วยงานอื่นๆด้วยในจำนวนนี้รวมถึงป.ป.ช.ด้วย หมายความว่า ป.ป.ช.เองก็มีโอกาสตรวจสอบเนตร นาคสุขได้เช่นกันหากเห็นว่า ความผิดปกติที่อ.วิชาสรุปมา มีมูล