นายประจักษ์ บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สัมภาษณ์พิเศษกับพีพีทีวี กรณี ข้อครหาการปรับปรุงป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อ 33 ล้านบาท ของการรถไฟแห่งประเทศไทย อธิบายหลักเกณฑ์ การจัดซื้อแบบเฉพาะเจาะจง ซึ่งเป็น วิธี ที่การรถไฟฯ ใช้ กับการ ทำโครงการ ปรับปรุงป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อ
โดยบอกว่า ตามหลักการ หากจะจัดซื้อแบบ เฉพาะเจาะจง มี 4 ประเภท หลัก คือ ประกาศจัดซื้อจัดจ้างวิธีอื่นด้วย
"ศักดิ์สยาม-อนุทิน" ลั่นหากค่าป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อแพงเกินจริง เจอยกเลิก พร้อมถูกลงโทษ
สหภาพฯ แฉว่าจ้างเอกชนเปลี่ยนป้าย "สถานีกลางบางซื่อ" ใช้วิธีเฉพาะเจาะจง จี้ผู้ว่าฯ รฟท.สอบ
แต่ไม่มีผู้รับจ้าง ก็จะเปลี่ยนไปใช้วิธีเฉพาะเจาะจง กรณี สิ่งของ ที่จะจัดซื้อเป็นของเฉพาะทำแค่บริษัทเดียว กรณีจำเป็นเร่งด่วน-ฉุกเฉิน (ภัยพิบัติ-โรคระบาด) หรือ กรณีแบบเกี่ยวพันกับของเดิม ที่บริษัททำไว้อยู่แล้ว
ในกรณีของป้ายสถานีกลางบางซื่อ มีการ พูดกันว่า ที่ต้องจัดซื้อจัดจ้างแบบเฉพาะเจาะจง เพราะ ต้องทำอย่างเร่งด่วน ประเด็นนี้นายประจักษ์ บอกว่า ต้องตรวจสอบก่อนว่าจริงหรือไม่ ยังไม่ขอฟันธงว่า ใช่หรือไม่
นายประจักษ์ ยังบอกด้วยว่า ราคา 33 ล้านบาท การจะบอกว่าแพงหรือไม่ พูดยาก เพราะ ทำ 1 ครั้ง อยู่ไปตลอด แต่กรณีนี้ มองว่า หากขอชื่อพระราชทานไปทำไมต้องทำป้ายเดิมก่อน ทำไมไม่รอ ซึ่งประเด็นเรื่องความคุ้มค่าก็ต้องตรวจสอบอีกครั้ง
ส่วนอีกหนึ่งความเคลื่อนไหว ที่เกิดขึ้นเรื่องนี้ คือ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี และ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้าร้องต่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อขอให้ตรวจสอบเรื่องนี้ พร้อมเสนอว่า สตง. ควรเร่งตรวจสอบเรื่องนี้ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ควรสั่งหยุดดำเนินโครงการ เพื่อรอการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เสร็จสิ้น