นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการ CareTalk x CareClubHouse : เมืองไทยหลังเลือกตั้ง โดยวิเคราะห์สาเหตุที่พรรคเพื่อไทยแพ้การเลือกตั้ง 2566 แพ้ทั้งกระแส กระสุน รอดมาได้ 112 เขตถือว่าห้อยหลวงพ่อดี
นายทักษิณ กล่าวว่า แสดงความยินดีที่พรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งเป็นพรรคอันดับหนึ่ง พร้อมวิเคราะห์ว่า ก่อนหน้านี้โพลทุกสำนักตรงกันหมดว่า พรรคเพื่อไทยออกมาดี แต่พรรคก้าวไกลพุ่งสูงขึ้นมาช่วงท้าย ชนะแบบสึนามิ ซึ่งอธิบายปรากฎการณ์นี้ได้หลายประเด็น
นายทักษิณ เปรียบพรรคก้าวไกลเหมือนบริษัท SMEs สร้างสินค้าตัวใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องมีสินค้าที่ดีมาก ไม่จำเป็นต้องเนี้ยบ เหมือนบริษัทเก่า แบรนด์ดังที่สินค้าต้องเนี้ยบถึงจะถูกใจลูกค้า แต่ SMEs หยาบหน่อย ลุยหน่อย ปรากฏว่าถูกใจลูกค้า เปรียบไปก็เหมือนเหมือน SMEs ทำให้บริษัทใหญ่เจ๊งไปหลายราย
นอกจากนั้น พรรคก้าวไกลยังมี UGC หรือ User-generated Content ที่ฐานเสียงผลิตคอนเทนต์ของพรรคกันเอง จนทำให้เกิดการพูดถึงในวงกว้าง ยกตัวอย่าง ไอซ์ หรือ น.ส.รักชนก ศรีนอก ว่าที่ ส.ส.กทม. ที่ถ่ายภาพตัวเองถือกระดาษเปล่า ทำให้ประชาชนนำไปสร้างคอนเทนต์จนเกิดเป็นกระแสไวรัลได้สำเร็จ
สิ่งเหล่านี้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เป็นเรื่องที่พรรคเก่า คนเก่า หรือ พรรคใหม่ คนเก่า ยังไม่ค่อยเข้าใจ พรรคเพื่อไทยแม้จะเป็นพรรคใหญ่มา 20 กว่าปีต่อเนื่องจากพรรคไทยรักไทยก็ถึงเวลาที่จะต้องดิสรัปชั่น
นายทักษิณ ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ผลการเลือกตั้ง 2566 พบว่าบางพรรคมี ส.ส.เขตเยอะ แต่บัญชีรายชื่อได้น้อย อาจเป็นเพราะพลังเงิน เพราะความนิยมในพรรคไม่มี ได้ยินว่ามีการซื้อเสียงอย่างต่ำหัวละ 1,000 บาท ใช้เงินเขตละ 70 ล้านบาท แต่สุดท้ายทุกคนก็เสร็จการตลาดแบบพรรคก้าวไกล เพราะยิ่งมีคนยิ่งกันซื้อ โหวตเตอร์ได้เงินเยอะ แต่ก็กลับไปเลือกตามที่ใจปรารถนา
เพื่อไทย โดนทั้งกระแสสู้กับก้าวไกล โดนกระสุนพรรคการเมืองอื่น รอดมาได้ขนาดนี้ 112 เขต ถือว่าหลวงพ่อดี เพราะทั้งกระแส กระสุน หนักทั้งคู่
นายทักษิณ กล่าวตอนหนึ่งถึงกระแสข่าวดีลลับกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า เรื่องนี้โดนไอโอมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ว่ามีดีลลับกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แต่พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคผู้ดี มีมารยาท ไม่ค่อยอยากพูดถึงใคร แต่โดนไอโอกดดันหนัก จน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร , นายเศรษฐา ทวีสิน และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ต้องออกมายืนยันว่าไม่เอา 2 ลุง แต่กระแสกดดันก็ยังไม่จบ ยืนยันว่า ตั้งแต่ พล.อ.ประวิตร พ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ก็ไม่เคยโทรศัพท์หานายทักษิณอีกเลย
นายทักษิณ ยังกล่าวถึงกระแสกดดันให้ตอบเรื่องจุดยืนทางการเมืองว่าจะร่วมรัฐบาลกับ 2 ลุงด้วยว่า ตอนนั้นรู้แล้วว่าโดนไอโอของพรรคก้าวไกล
ดูจากคำที่ใช้ บอกได้เลยว่า นี่น่าจะเป็น ไอโอของก้าวไกล บางคนนึกว่าไอโอฝั่งนู้น แต่ว่าไม่ใช่ และที่พูดก็ไม่ได้โจมตี เพราะเข้าใจว่าเป็นแท็กติก แต่พูดเพื่อให้รู้ว่า เราถูกยัดเข้ากับกลุ่ม 2 ลุง เพราะรู้ว่ากลุ่ม 2 ลุง คนไม่นิยม กว่าเราจะดิ้นออกมาว่าไม่ใช่อย่างนั้น ก็ช้าไปหน่อย เพราะเราไม่ได้ใช้เอไอ ไม่ได้ใช้โรบอท ไม่มีแอคหลุม
แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของด้อม แต่เรื่องไอโอก็มีบ้าง ผมอยู่วงการนี้พอเดาได้ ข้อความต่างๆ ก็พอเดาได้ ไม่ได้โทษสิ่งไม่ดี แต่เป็นเรื่องการต่อสู้ ใครเก่งกว่า คนนั้นก็ชนะ เป็นเรื่องธรรมดา
นายทักษิณ ยังกล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลด้วยว่า ท่าทีของพรรคเพื่อไทย และ น.ส.อุ๊งอิ๊งค์ ถือว่ามีน้ำใจนักกีฬา คือ ให้พรรคอันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาล ไม่จัดแข่ง และเป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ส่วนเรื่องที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ น่าจะมีอยู่แค่ 2 ทาง คือ 1.ขอร้อง ส.ว.ที่ไม่ได้เลือกข้างมากนักให้มาช่วยโหวต 2.หาพรรคการเมืองมาให้ครบ 376 เสียง
แต่การมี ส.ส. 376 เสียงในรัฐบาล เป็นข้อเสียมากกว่าข้อดี เพราะฝั่งที่เหลือน้อยกว่า ก็จะบอกว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา และความจริงไม่จำเป็นต้องใช้ ส.ส.เยอะขนาดนั้น แต่ถ้าเกมบังคับ ไปแล้ว ส.ว.ไม่ยอมผ่านให้ ก็มีการเสนอใหม่ ดึงพรรคมาเพิ่มได้
นายทักษิณ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายพิธา ถูกร้องเรื่องถือหุ้นสือว่า หวังว่าจะไม่เกิดขึ้น แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นจริง พรรคก้าวไกลไม่มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ก็จะเสนอคนใหม่ไม่ได้ และนั่นคือจุดอ่อนของการเสนอชื่อคนเดียว และถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะต้องตกมาที่พรรคอันดับสอง อย่างไรก็ตามขอให้ไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้น
และในช่วงท้ายของรายการ นายทักษิณ ยังเชื่อว่า จะไม่เกิดเหตุปฏิวัติรัฐประหารหลังเลือกตั้ง เพราะบ้านเมืองไม่ได้ถึงทางตันหรือสถานการณ์คับขันจนทำให้เกิดการปฏิวัติแต่อย่างใด
