“เพื่อไทย” คุมคลัง! คาดได้ข้อสรุปโผ “ครม.เศรษฐา1” 3-4 วันนี้

วันที่ 25 สิงหาคม ระหว่างการลงพื้นที่รับฟังเสียงสะท้อนจากผู้บริหารการท่าอากาศยานภูเก็ต นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจัดคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐา 1 ว่า เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ขออดใจรอ 3-4 วันคาดว่าน่าจะได้ ด้วยให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาลเนื่องจากมีหลายพรรคการเมือง ส่วนของพรรคเพื่อไทยลงตัวหมดแล้ว โดยส่วนของพรรคร่วมอย่างพรรคพลังประชารัฐที่พูดคุยกันไวนั้น ขอใจเย็น เพราะต้องมีการหมุนนิดหน่อย

 

เมื่อถามว่า วันนี้มาลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต ดูเรื่องการท่องเที่ยวได้ควงว่าที่ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬามาด้วยหรือไม่ โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ยืนอยู่ด้านข้างนายเศรษฐา แต่นายเศรษฐาเลี่ยงที่จะตอบคำถาม พร้อมระบุว่า คำถามต่อไป

และเมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีจะควบ รมว.คลัง ด้วยหรือไม่เพื่อดูนโยบายด้านเศรษฐกิจ นายเศรษฐา ยอมรับว่า กระทรวงการคลังอยู่ในพรรคเพื่อไทย และยอมรับคาดหวังการตรวจประวัติและคุณสมบัติของบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี จะเริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 28 ส.ค.นี้ และหวังว่าจะเป็นไปด้วยดี ซึ่งถือเป็นการนับหนึ่งมาแล้ว หลังมีพิธีสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ซึ่งต่อไปอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบรายชื่อ และนำครม.เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่ จากนั้นแถลงนโยบาย และประชุมครม.นัดแรก โดยจะพยายามให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด เพราะมีวาระเร่งที่จะต้องดำเนินการเยอะมาก ที่ครอบคลุมทุกภาคส่วนที่เดือดร้อน

นายเศรษฐา บอกอีกว่า จะพยายามดำเนินการให้เร็วที่สุดหรือภายในเดือนกันยายน โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยวที่อยู่ในช่วงไฮซีซั่น หากมีมาตรการอะไรออกไปนักท่องเที่ยวจะต้องมีการแพลนล่วงหน้า เช่น ชาวจีนจะมีวันพิเศษในเดือนตุลาคม หรือวันชาติที่ชาวจีนจะเดินทางท่องเที่ยวระยะเวลายาว ซึ่งมีการใช้จ่ายเงินเยอะ หากสามารถออกมาตรการรองรับได้ถือว่าเป็นเรื่องดี

อย่างไรก็ตามในการประชุม ครม. นัดแรกจะมีการรวบรวมข้อมูล ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหนึ่งในเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลจะดำเนินการ

ส่วนกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังไม่แต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ด้วยรอให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่มาพิจารณานั้น นายเศรษฐา กล่าวขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ที่ให้เกียรติ พร้อมระบุว่า จะต้องคอยให้มีการเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนในการทำหน้าที่ก่อน รวมถึงการแถลงนโยบาย จากนั้นก็อยู่ที่ กตร.จะประชุมกัน